POLITICS

‘จุลพันธ์’ เผย ตั้ง คกก. ดิจิทัล วอลเล็ตแล้ว ‘นายกฯ’ นั่งประธานร่วม รมว. หลายกระทรวง

เตรียมตั้ง อนุกรรมการ ศึกษาต่อ ชี้ เป็นองคาพยพขนาดใหญ่เพราะใช้งบเยอะ ต้องรอบคอบ ยัน มีที่มาแหล่งเงินแน่นอน ไม่กังวลเงินเฟ้อ ตั้งเป้า GDP โตขึ้น 5%

วันนี้ (3 ต.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวความคืบหน้าเรื่องดิจิทัล วอลเล็ต ว่า ขณะนี้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัล วอลเล็ต แล้ว หลังจากพูดคุยกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อคุยถึงความสำคัญของโครงการซึ่งใช้งบประมาณจำนวนมาก ต้องมีความละเอียดรอบคอบ ซึ่งคณะกรรมการเมื่อพิจารณารายชื่อแล้วถือเป็นคณะกรรมการที่มีองค์ประกอบชุดใหญ่ เหมือนเป็น ครม. ย่อย ๆ โดยรายชื่อขององค์ประกอบชุดใหญ่ มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และมีรมว.กระทรวงพาณิชย์, รมว.กระทรวงการต่างประเทศ, รมว.กระทรวงมหาดไทย และรมว.ดีอีเอส เป็นประธานร่วมด้วย ซึ่งจะเห็นว่าครอบคลุมในทุกกลไกที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมี รมช.กระทรวงการคลัง ทั้ง 2 คน เป็นคณะกรรมการ รวมถึงปลัด DES ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นเลขานุการ

นอกจากนี้ ยังมีผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย, เลขาสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, ผู้อำนวยการ สงป. กฤษฎีกา, อัยการสูงสุด, ผู้อำนวยการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งครอบคลุมต้นน้ำปลายน้ำ แนวนโยบาย กลไกต่าง ๆ รวมถึงงบประมาณที่ได้ริเริ่ม ติดตามตรวจสอบ การทุจริต รวมถึงมีการสรุปผลว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่ เพื่อรายงาน ครม. เพื่อให้รับทราบต่อไป

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีการนัดหมายการประชุมคณะกรรมการนัดแรกภายในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือเรื่องการจัดตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อน รวบรวมประเด็นรายละเอียดนำเสนอชุดใหญ่ ซึ่งอนุกรรมการขับเคลื่อนจะมี ตนเองเป็นประธาน และมีนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการ รมว.การคลัง ซึ่งจะทำหน้าที่ขับเคลื่อนนโยบาย ตนเองเข้าใจดีถึงคำถามจากสื่อมวลชนที่จะเกิดขึ้น ขอรอเวลาให้แต่งตั้งคณะอนุชุดเล็ก และเสนอเข้าชุดใหญ่ก่อน คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 ถึง 2 สัปดาห์ และจะได้มาชี้แจงและลงรายละเอียดให้พี่น้องสื่อมวลชนได้ทราบต่อไป

ภายหลังการแถลงข่าว ผู้สื่อข่าวถามต่อว่ายืนยันที่ใช้บล็อกเชน ซึ่งอาจขัดกับข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทยหรือไม่ นายจุลพันธ์ ระบุว่า เรามีการพูดคุยกับธนาคารแห่งประเทศไทยในเบื้องต้น มีกลไกทำรองรับ และไม่ขัดกฎหมาย ยืนยันว่า เบื้องหลังเทคโนโลยีที่ใช้ จะใช้บล็อกเชนแน่นอน ซึ่งปลอดภัย และตรวจสอบได้ ทั้งนี้ คงไม่ได้มีการเปิดเผยระบบบล็อกเชน เนื่องจากว่าไม่ใช่ Open Source และคงไม่ดูในรายละเอียดขนาดนั้น

ส่วนรายละเอียดระยะทางที่อาจมีการพิจารณาเพิ่มระยะทางนั้น นายจุลพันธ์ ระบุว่า เป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการที่จะรับฟัง และขยายกรอบอีกที ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง แต่ขอให้รอข้อสรุปก่อน

สำหรับกระแสข่าวว่านายกรัฐมนตรีจะขยับกรอบเพดานหนี้นั้น นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า ไม่มี นายกรัฐมนตรีไม่เคยพูด ซึ่งแหล่งเงินที่จะนำใช้นั้น มีอย่างแน่นอน เรายึดมั่นในกรอบวินัยการเงินการคลัง ซึ่งกลไกที่ใช้ เราสามารถเลือกได้ว่าจะออกมาในรูปแบบใด เราไม่มีปัญหาเรื่องของแหล่งเงิน สามารถหาเงินมาได้

ส่วนข้อกังวลว่าโครงการดิจิทัล วอลเล็ต จะเอื้อต่อกลุ่มทุนนั้น นายจุลพันธ์ ระบุว่า ที่เราทำไม่มีการกันใครออกจากระบบนี้ ไม่ว่าจะอยู่ในระบบภาษี หรือไม่ ก็สามารถรับเงินมาแล้วใช้ต่อได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องไปใช้ที่รายใหญ่เท่านั้น การใช้จ่ายในรายเล็กก็เกิดขึ้นตามอุปสงค์ที่จริง ทำให้ต้องมีการกำหนดกรอบระยะเวลา กลไกในการใช้ ให้เร็วที่สุด ยืนยันว่า เม็ดเงินจะหมุนเวียนในชุมชน

“ถ้าพี่น้องเกษตรกรมีเงินดิจิทัล วอลเล็ต แล้วตัดสินใจนำเงินไปซื้อปัจจัยการผลิตจากทาง ธกส. ทาง ธกส. ก็ยินดีเติมเงินเข้าไปให้เพื่อให้ซื้อปัจจัยเพิ่มเติม ให้กรอบวงเงินเพิ่ม คือนโยบายที่เราทำ ผูกกับนโยบายหลัก” นายจุลพันธ์ กล่าว

ส่วนเรื่องข้อกังวลเรื่องระยะทาง และแหล่งที่มาของเงิน นายจุลพันธ์ ระบุว่า ปลายเดือนนี้น่าจะจบหมด ยังยืนว่ากรอบระยะเวลาในการประกาศใช้คือ 1 ก.พ. 67 เหมือนเดิม หรืออาจบวกลบ 1 เดือน เพราะหลังพูดคุยหลายส่วน ค่อนข้างตึง แต่ก็ยืนยันว่าเมื่อประกาศไปแล้ว ต้องมีความรัดกุม ผ่านการทดสอบในหลายรูปแบบ จะปล่อยออกมาโดยที่มีปัญหาค้างคาไม่ได้ และหากติดขัดก็ต้องแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบเพื่อพิจารณากรอบเวลา

นายจุลพันธ์ กล่าวถึงหน่วยงานที่จะดูแลการทำบล็อกเชน ว่า ยังไม่ได้พูดถึง แต่อยู่ในหน่วยงานรัฐอย่างแน่นอน แต่ขอยืนยันว่ามีความปลอดภัยสูงสุด

ส่วนทำไมถึงตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่ นายจุลพันธ์ ระบุว่า องคาพยพเรื่องนี้ ตนเองยังนึกไม่ออกว่านโยบายไหนที่ใช้งบประมาณเยอะขนาดนี้ จึงต้องมีความรอบคอบ รัดกุม ไม่ให้มีมิติที่เราหลงลืม ผิดพลาด หรือเดินหน้าแล้วพลาดทีหลัง

สำหรับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงขณะนี้ และภาวะเงินเฟ้อที่อาจสูงขึ้นเมื่อประกาศใช้โครงการ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ค่าเงินบาทอ่อน เพราะค่าเงินต่างประเทศแข็งค่า ซึ่งภาระโดยตรงคือธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งได้ปรับปรุงอัตราดอกเบี้ย หวังว่าจะหยุดการไหลออกได้โดยเร็ว ตนเองคงตอบแทนไม่ได้ ส่วนเงินเฟ้อเป็นปัจจัยที่น่าเป็นห่วงมานานกว่า 10 ปี ซึ่งไม่ใช่ปัจจัยที่เราห่วงมากนัก เชื่อมั่นว่าเอาอยู่ในเรื่องนี้

สำหรับเป้าหมายการเพิ่มขึ้นของ GDP หลังจากประกาศใช้นั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า นายกฯ ตั้งเป้าตลอดว่า GDP ต้องโตไม่ต่ำกว่า 5% ต่อปี ซึ่งก็แบบนั้น เชื่อว่ากลไกผ่านดิจิทัล วอลเล็ต เป็นเพียงหนึ่งในกลไกเท่านั้น ยังมีเรื่องอื่น ๆ อีก เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยบวกอย่างแน่นอน

เมื่อถามว่าหากโครงการนี้ ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ใครจะรับผิดชอบ นายจุลพันธ์ ระบุว่า ต้องรับผิดชอบร่วมกัน อย่างน้อยประชาชนก็ไม่เลือกกลับมาทำงานอีกในเบื้องต้น หรือถ้าตรวจสอบแล้วพบว่ามีการทุจริต ก็มาว่ากัน

นอกจากนี้ เรื่องของแรงงานผลัดถิ่นที่อาจไม่สะดวกในการกลับไปภูมิลำเนาเดิมตามทะเบียนบ้านเพื่อใช้ดิจิทัล วอลเล็ต นายจุลพันธ์ ระบุว่า ตนเองก็จะรับเรื่องนี้ไว้ไปพิจารณาในประชุมอีกครั้ง

Related Posts

Send this to a friend