‘โรม’ ยันไม่เคยติดหนี้บุญคุณใคร ยังไม่สรุปโหวตให้ ‘เศรษฐา’ นั่งนายกฯ หรือไม่
‘โรม’ เผยที่ผ่านมา ‘ก้าวไกล’ ยอมเยอะมากทั้งเรื่องประธานสภาฯ-นายกฯ ยันไม่เคยติดหนี้บุญคุณใคร ยกเว้นประชาชน 14 ล้านเสียง ยังไม่สรุปโหวตให้ ‘เศรษฐา’ นั่งนายกฯ หรือไม่
วันนี้ (3 ส.ค. 66) นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่าพรรคก้าวไกลยังไม่มีข้อสรุปว่าจะโหวตให้ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯ หรือไม่ แต่ด้วยการเลือกนายกฯ ต้องเลื่อนออกไป จึงจะต้องดูว่าจะมีข้อสรุปในวันนี้หรือไม่ ส่วนที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมือง เสนอให้พรรคก้าวไกลไม่โหวตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย ถือเป็นสิทธิของนายชูวิทย์ ยังไม่ได้หยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยในพรรค เราพร้อมรับฟังพี่น้องประชาชนทุกเรื่อง คงต้องพิจารณาควบคู่กันไป
หากกลับมาดูเรื่องการโหวตนายกฯ พรรคก้าวไกลที่เป็นพรรคการนำจัดตั้งรัฐบาลเดิมยอมหลายเรื่องให้ 8 พรรคเดินต่อไปได้ ทั้งเรื่องประธานสภา การลดวันประชุมสภาฯ เหลือ 2 วัน และเรื่องนายกฯ แม้การโหวตครั้งที่ 2 ยังไม่ทันเกิด แต่สภาฯ มีมติเสนอชื่อนายพิธาไม่ได้ จึงส่งต่อให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่กลับเจอเงื่อนไขของเสียงข้างน้อยที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จะไม่ร่วมงานกับพรรคก้าวไกล มีความพยายามจัดตั้งรัฐบาลที่ไม่มีพรรคก้าวไกล กระบวนการทั้งหมดเป็นกระบวนการที่ไม่ถูกต้อง ยอมให้คนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งมาตั้งเงื่อนไขกับผู้ที่ได้รับความชอบธรรมจากประชาชน
“วันนี้ไม่ใช่แค่การตั้งรัฐบาล แต่เป็นการยอมรับให้คนไม่กี่คนมากำหนดกฎเกณฑ์ และทำให้พี่น้องประชาชนไม่มีความหมาย”
ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยแนะนำให้พรรคก้าวไกลโหวตให้พรรคเพื่อไทยเพื่อตอบแทนบุญคุณ นายรังสิมันต์ ระบุว่าการทำหน้าที่ สส.ไม่ใช่เรื่องการติดค้างบุญคุณ พวกเรายอมมาเยอะมาก “ยอมแล้ว ยอมอีก ยอมต่อ” ไม่ใช่เรื่องของบุญคุณ แต่เป็นเรื่องของการทำหน้าที่ พรรคก้าวไกลติดหนี้บุญคุณของประชาชน 14 ล้านคนที่เลือกมา
เมื่อถามว่ามาถึงตอนนี้พรรคก้าวไกลยอมถอยเป็นฝ่ายค้านแล้วหรือไม่ นายรังสิมันต์ ระบุว่าพรรคก้าวไกลพยายามประสานให้ 8 พรรคเดินต่อไปให้ได้มากที่สุด ไม่ใช่เรื่องการยอมถอย แต่วันนี้เราเจอกับกระบวนการที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย ไม่ได้รับความชอบธรรมในเสียงข้างมาก การตั้งรัฐบาลในสถานการณ์เช่นนี้มีความแปลกประหลาดมาก ส่วนหนึ่งมาจากรัฐธรรมนูญมาตรา 272