‘นิวัติไชย’ เผย ป.ป.ช.จับตา โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต
‘นิวัติไชย’ เผย ป.ป.ช. จับตา โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต หลังให้ข้อเสนอแนะ ชี้ มีอำนาจเต็มตรวจสอบใช้เงิน ธ.ก.ส. ทำโครงการได้หรือไม่ เผย ขณะนี้ ยังไม่เห็นช่องทางทุจริต พร้อมให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย เชื่อ ฝ่ายการเมืองไม่กล้าดึงดันทำผิดกฎหมาย
วันนี้ (3 พ.ค. 67) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงการติดตามตรวจสอบโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ภายหลังจากที่รัฐบาลออกมาแถลงความชัดเจนในการเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการ โดยยืนยันว่า ป.ป.ช. จะดำเนินการเฝ้าระวังต่อไป หลังจากที่ได้มีการเสนอมาตรการไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งจะดูว่ารัฐบาลได้นำข้อสังเกตอะไรที่ ป.ป.ช. ได้ให้ไว้ไปปรับปรุง ดำเนินการอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะประเด็นของการกู้เงินการใช้ระบบบล็อกเชน (Blockchain) แต่ก็ต้องรอการขับเคลื่อนที่ชัดเจนมากกว่านี้ ป.ป.ช.ได้รวบรวมข่าวสารอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการดำเนินการของ ป.ป.ช.อยู่ในการป้องปราม เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตขึ้น
นายนิวัติไชย กล่าวต่อว่า หากมีประเด็นก็จะให้ผู้เชี่ยวชาญเรื่องที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล ก่อนแนะนำไปยังรัฐบาล เพราะ ป.ป.ช. ไม่สามารถห้ามหมดทุกเรื่องได้ ซึ่งรัฐบาลก็มีหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน จำเป็นต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
สำหรับประเด็นที่สังคมตั้งข้อกังวลถึงการใช้งบประมาณของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์หรือ ธ.ก.ส.นั้น นายนิวัติไชย ยืนยันว่า ป.ป.ช. มีอำนาจ ติดตามตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย เพราะงบของธนาคาร ธ.ก.ส. เป็นงบที่ใช้สำหรับกลุ่มเกษตรกรเป็นหลัก จำเป็นต้องไปดูระเบียบของ ธ.ก.ส. ว่าสามารถใช้งบดังกล่าวกับโครงการนี้ได้หรือไม่ ซึ่งธ.ก.ส. เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.อยู่แล้ว ซึ่งต้องไปดูข้อกฎหมาย วันนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าใครผิดใครถูก
ส่วนที่มองว่าฝ่ายการเมืองมีความต้องการให้ใช้งบประมาณส่วนนี้ แล้วทำให้ ธ.ก.ส. ต้องยินยอม เลขาธิการ ป.ป.ช. เชื่อว่า ฝ่ายการเมืองก็คงไม่กล้าที่จะทำผิดกฎหมาย เพราะสุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะ ถ้ากฎหมายบอกว่าทำไม่ได้ ก็อย่าไปฝืน อันตราย “หากตนเป็นรัฐบาล ตนก็ไม่ทำหรอก มันตรวจสอบได้ง่าย”
อย่างไรก็ตามเลขาธิการ ป.ป.ช. ระบุว่า เวลานี้ยังมองไม่เห็นช่องทางการทุจริตในโครงการดังกล่าว ส่วนที่มีความกังวลว่า จะซ้ำรอยโครงการจำนำข้าวนั้น เลขาธิการ ป.ป.ช. ยืนยันว่าโครงการนี้แตกต่างจากโครงการจำนำข้าว แต่ก็มีประเด็นที่จะต้องจับตา เพราะงบประมาณส่วนนี้สนับสนุนการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการเกษตรของเกษตรกร ดังนั้นต้องดูว่าจะมีปัญหาการฮั้วกับผู้ประกอบการหรือไม่ หรือมีหลายเจ้าหรือไม่ ถ้ากำหนดว่าจะต้องซื้อปุ๋ยจากเจ้านี้ นั่นแปลว่าล็อค ก็ถือว่ามีการเอื้อประโยชน์ หากมีผู้ประกอบการหลายเจ้า เกษตรกรสามารถเลือกซื้อได้โดยที่ไม่มีการบังคับ ก็ถือว่าเป็นอิสระ มีเม็ดเงินเพิ่มเข้ามาในการหมุนเวียนทำการเกษตร ส่วนจะเป็นเกษตรกรจริงหรือไม่ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องไปดู