ก้าวไกล จี้ หน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบ เหตุเครนถล่ม
สส.ระยอง ก้าวไกล จี้ หน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบ เหตุเครนถล่ม พร้อมชี้แจงมาตรการกำกับดูแลให้สังคมทราบ
วันนี้ (2 เม.ย 67) นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.จังหวัดระยอง เขต 4 พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นางสาวกมนทรรศน์ กิตติสุนทรสกุล สส.จังหวัดระยอง เขต 1 และ นายสหัสวัต คุ้มคง สส.จังหวัดชลบุรี เขต 7 พรรคก้าวไกล แถลงถึงกรณีเหตุเครนถล่มที่โรงงานเหล็กในพื้นที่ ม.2 ต.ตาสิทธิ์ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ทำให้แรงงานเสียชีวิต 7 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา
นายชุติพงศ์ กล่าวว่า หลังจากลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า โรงงานดังกล่าวเป็นโรงงานที่ยังสร้างไม่เสร็จ จึงมีสถานะเป็นไซต์ก่อสร้าง โดยโรงงานดังกล่าวยังมีอีกหนึ่งสาขาอยู่ในพื้นที่ ต.หนองละลอก อ.บ้านข่าย จ.ระยอง เป็นโรงงานเหล็กในแบบเดียวกัน ซึ่งเคยนำประเด็นเกี่ยวกับโรงงานนี้เข้าสู่สภาแล้ว 2 ถึงครั้ง และหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมไปแล้ว ดังนั้น เรื่องมาตรฐานความปลอดภัย และมาตรฐานการปฏิบัติงาน เป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ เรื่องนี้อยู่ในความรับรู้ของ รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม แล้วอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 2 เดือน
นายชุติพงศ์ กล่าวถึงความคืบหน้าหลังเจรจากับแรงงานเพื่อชดเชยเยียวยาผู้เสียชีวิตว่า มีการตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่อยากฝากการบ้านถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) และหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่อนุมัติให้โรงงานแห่งนี้ดำเนินงานประกอบกิจการ เพราะอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างหนัก ซึ่งที่ผ่านมาโรงงานดังกล่าวมีการทุบราคาเหล็ก และผลิตเหล็กออกมาโดยใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่าที่อื่น ทั้งนี้ ต้นทุนที่สามารถทำได้ต่ำอาจมาจากการลดมาตรฐานความปลอดภัยในการปฏิบัติงานของโรงงานหรือลดค่าแรงของแรงงานหรือไม่ เรื่องนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องมีการตรวจสอบ และให้ความกระจ่างต่อสังคม
นายชุติพงศ์ ตั้งคำถามถึง รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อทุนจีนเข้ามาลงทุนในแผ่นดินไทยใช้แรงงานต่างด้าวโดยไม่รู้ว่ามีการรักษาสวัสดิภาพของแรงงานอย่างที่ควร โดยพบรายงานในสถานีตำรวจ สภ. ปลวกแดงว่า ยังมีเหตุที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ อีก 1-2 เคส ที่เกิดอุบัติเหตุจนแรงงานเสียชีวิต เรื่องนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดควรออกมาชี้แจงให้ประชาชนทราบว่า มาตรการในการดูแลกำกับการให้ประกอบกิจการ และการตรวจสอบคุณภาพต่าง ๆ ของประเทศไทย ภายใต้การนำของรัฐบาลจะจัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรต่อไป












