‘วิญญัติ’ ร้อง กกต. สอบ ‘ปลื้ม สุรบถ’ ถือหุ้นสื่อ
‘วิญญัติ’ ร้อง กกต. สอบ ‘ปลื้ม สุรบถ’ ถือหุ้นสื่อ เข้าข่ายบุคคลมีลักษณะต้องห้ามมิให้สมัคร ส.ส.
วันนี้ (3 มี.ค. 66) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ เข้ายื่นหนังสือต่อเลขาธิการ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบ สอบสวน การได้เลื่อนอันดับเพื่อเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ ของ นายสุรบถ หลีกภัย ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ แทนคนเดิมที่ลาออกไป ว่ามีลักษณะเข้าข่ายบุคคลมีลักษณะต้องห้ามมิให้สมัคร ส.ส. และจะทำให้กระบวนการเป็น ส.ส. ขัดหรือฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายใดหรือไม่
นายวิญญัติ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ที่มา กกต. ในวันนี้ เพราะทราบจากสื่อมวลชนที่นำเสนอผลประกอบการของบริษัทเอกชนที่ทำธุรกิจกิจการโฆษณา ที่มีนายสุรบถ หลีกภัย ในฐานะกรรมการบริษัทและเป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ จึงนำไปเทียบกับกรณีอื่น ๆ ว่าเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นสื่อมวลชน ตามความมาตรา 98 (3) ของรัฐธรรมนูญหรือไม่อย่างไร หากเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นสื่อมวลชนใด ๆ อาจส่งผลต่อความเป็น ส.ส. ของนายสุรบถ หลีกภัย ให้สิ้นสุดลงหรือเป็นการเข้ารับตำแหน่งโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบด้วยหรือไม่ เนื่องจากได้ทราบข้อเท็จจริง ภายหลัง กกต. ประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง ที่แม้ขณะนั้นนายสุรบถจะอยู่ในลำดับตามบัญชีที่ไม่ได้เป็น ส.ส. แต่ตามกฎหมายก็ยังต้องคงสถานะการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่ออยู่ต่อไป ต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม
ประกอบกับเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 ในช่วงที่ กกต. ประกาศผลการเลือกตั้งและบัญชีรายชื่อของพรรคประชาธิปัตย์ สุรบถ หลีกภัย เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ ตามกฎหมาย ซึ่งเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ตามรัฐธรมนูญ 2560 มาตรา 98 (3) และ พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2561
นายวิญญัติ กล่าวต่อว่า นายสุรบถ หลีกภัย เป็นกรรมการบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งซึ่งมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการโฆษณา ระหว่างวันที่ 11 กันยายน 2555 ถึง 22 มกราคม 2566 และเป็นกรรมการบริษัทอีกแห่ง (เอกชนที่สอง) ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2558 ถึงวันที่ 6 ธันวาคม 2563 และจากหลักฐานพบว่านายสุรบถ หลีกภัย ได้โอนหุ้นบริษัทเอกชนแห่งแรกจำนวน 29,998 หุ้น ให้แก่นางภักดิพร สุจริตกุล เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2566 ลักษณะโอนกลับไปกลับมา ระหว่างบุคคลสองคน ในขณะที่นายสุรบถ ก็ยังคงมีตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัทเอกชนนั้นอยู่ และในขณะเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อของพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้น 30 เมษายน 2562 จึงถือเป็นบุคคลเข้าข่ายเป็นผู้ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ต้องห้าม ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 98 (3) และ พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2561 มาตรา 42 (3) มีข้อสังเกตว่าวันที่ 20 มกราคม 2566 นายอิสระ เสวัฒนวุฒิ บัญชีรายชื่ออันดับที่ก่อนนายสุรบถ ได้ลาออกจากการเป็น ส.ส.
เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2566 ประธานรัฐสภา ก็ออกประกาศรับรองการเป็น ส.ส. ของนายสุรบถ ในวันรุ่งขึ้นทันที ในวันนี้ ในฐานะประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่ติดตามการบังคับใช้กฎหมายของ กกต. และการตีความขององค์กรศาลที่เคยเป็นกรณีตัวอย่าง กรณีนี้จึงขอให้ กกต. ได้ตรวจสอบ สอบสวน เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันและไม่มีการเลือกปฏิบัติ ซึ่งได้แนบหลักฐานจากการสืบค้นทางทะเบียนมาด้วย












