POLITICS

คมนาคม จ่อเรียกรถโดยสารติดตั้ง NGV ทั้งหมด กลับเข้าตรวจสภาพใหม่ภายใน 60 วัน

คมนาคม ประชุมหารือกรณีรถบัสนักเรียนเพลิงไหม้ สั่งการกรมขนส่งทางบก ยกระดับมาตรฐานทุกมิติ พร้อมสั่งยกเลิกการประกอบการของอู่เจ้าของรถเกิดเหตุทั้งหมด จ่อเรียกรถโดยสารติดตั้ง NGV ทั้งหมด กลับเข้าตรวจสภาพใหม่ภายใน 60 วัน ชี้ อนาคตมีแนวโน้มยกเลิกรถใช้แก๊ส

วันนี้ (2 ต.ค. 67) ที่กระทรวงคมนาคม นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายวิทยา ยาม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายจิรุตม์ วิศาลจิต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก นายชีพ น้อมเศียร ผอ.วิศวกรรมยานยนต์ กรมการขนส่งทางบก และคณะ ร่วมกันแถลงข่าวกรณีรถทัศนศึกษานักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี ภายหลังประชุมหารือกรณีดังกล่าว เพื่อวางมาตราการ และแนวทางป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ

นายสุรพงษ์ เปิดเผยว่า จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงไปสรุปสาเหตุ โดยกรมการขนส่งทางบกได้ออกมาตราการ และสั่งยกเลิกการประกอบการทั้งหมดของผู้ให้บริการรายดังกล่าว ส่วนสาเหตุในการยกเลิกนั้นจะให้รูปแบบการตรวจสอบที่ชัดเจนผ่านกรมการขนส่งทางบกอีกครั้ง ขณะที่การดำเนินคดีให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายกับคนขับรถ และผู้ประกอบการ

อีกทั้ง รถคันที่เกิดเหตุ คือ รถประเภท 30 (รถโดยสารไม่ประจำทาง) เป็นรถที่ติดตั้งแก๊ส NGV เป็นเชื้อเพลิง โดยในที่ประชุมได้สรุปแล้วว่า กระทรวงคมนาคมมีมาตราการเร่งด่วน สั่งการให้กรมการขนส่งทางบกเรียกรถใช้แก๊ส NGV จำนวน 13,426 คัน (แบ่งเป็นรถโดยสารประจำทาง 10,491 คัน และไม่ประจำทาง 2,935 คัน) กลับมาตรวจสอบสภาพใหม่ทั้งหมด ให้เสร็จสิ้นภายใน 60 วัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุโศกนาฏกรรมแบบนี้ขึ้นอีก

ต่อมา คือการยกระดับมาตรฐานการประกอบการขนส่งรถโดยสารประจำทาง 30 ทั้งระบบ เช่น จะต้องมีพนักงานท้ายรถทุกครั้ง โดยการออกระเบียบกฎหมายดังกล่าว และสั่งการให้มีโดยทันที รวมถึงออกมาตรการบูรณาการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ และสถานศึกษาทั่วประเทศ ให้มีการตรวจร่วมกับขนส่งจังหวัดที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยก่อนออกเดินทางทุกครั้ง

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการก่อนออกรถทุกครั้ง จะต้องมีการสาธิตสำหรับการเอาตัวรอดในภาวะที่เกิดเหตุการณ์ในรถประเภท 30 โดยออกกฎหมายระเบียบเพื่อให้ผู้ประกอบการต้องแนะนำข้อมูล และแนวทางเผชิญเหตุฉุกเฉินในการใช้บริการ (เช่นเดียวกับสายการบิน)

ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ในโซเชียลว่า รถคันที่ประสบอุบัติมีอายุมากกว่า 50 ปีนั้น นายสุรพงษ์ ระบุว่า ขอให้ได้ไปตรวจสอบที่หน้างาน เพื่อไปดูเลขตัวถังก่อน เพื่อป้องกันการพูดไปแล้วกระทบต่อรูปคดี จะได้ไม่มีแรงกดดันเรื่องข้อเท็จจริง และจะรายงานให้สื่อมวลชนทราบต่อไป

นายสุรพงษ์ ยังรับปากอีกว่า เราจะยกระดับมาตรฐานรถให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ทั้งเรื่องการผ่อนปรน และการต่ออายุของรถ ส่วนในอนาคตจะมีแนวโน้มในการยกเลิกการใช้แก๊สกับรถประจำทางหรือไม่นั้น นายสุรพงษ์ ยอมรับว่า ในที่ประชุมมีการคุยกันก็มีแนวโน้มอย่างแน่นอน เพราะทุกวันนี้ก็ไม่มีสถานบริการที่เติมแก๊สดังกล่าว ซึ่งอยู่ในการตัดสินใจของเราว่าหากไม่มีแล้วจะเกิดผลกระทบอย่างไร เป็นการตัดสินใจ และการบริหารของหน่วยงาน

ส่วนที่สื่อสังคมออนไลน์ มีการวิจารณ์ว่า รถจดทะเบียนอีกยี่ห้อ แต่มีการประกอบชิ้นส่วนของยี่ห้ออื่น และปิดโลโก้ยี่ห้อของรถนั้น นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เป็นกรณีที่มีการถกเถียงกัน ก็ต้องไปรอตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นไปตามข้อมูลที่ออกมาหรือไม่

ขณะที่นายชีพ กล่าวเสริมว่า จากข้อมูลพบว่า รถคันดังกล่าวจดทะเบียนยี่ห้ออีซูซุ แต่เครื่องยนต์เป็นเครื่องยนต์ยี่ห้อเบนซ์ ปรากฏว่าผู้ประกอบการได้นำเครื่องหมายยี่ห้อเบนซ์ไปติดหน้ารถ ซึ่งตามลักษณะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่เราไม่ได้มีกฎระเบียบที่กำหนดตรงนี้ไว้ จึงทำให้ผู้คนคิดว่าเป็นรถยี่ห้อเบนซ์ แต่ข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ในกรมการขนส่งทางบกคือยี่ห้ออีซูซุ

Related Posts

Send this to a friend