POLITICS

‘พิธา’ ไม่ห่วงปมหุ้นสื่อ มั่นใจเดินหน้าตั้งรัฐบาลได้

‘พิธา’ ไม่ห่วงปมหุ้นสื่อ มั่นใจเดินหน้าตั้งรัฐบาลได้ สวน ‘แรมโบ้’ คนแพ้เลือกตั้งต้องยินดีคนชนะ ส่งมอบงานให้รัฐบาลใหม่ ยันร้อยวันแรกพร้อมเจรจาไตรภาคีขึ้นค่าแรง 450 วัน

วันนี้ (2 มิ.ย.66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีหุ้นสื่อไอทีวีว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่ได้เชิญไปชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งหลักฐาน และหลักกฎหมาย หากตัดสินกันด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรมอย่างที่เคยมีมา ก็คิดว่าไม่มีอะไรน่ากังวล หาก กกต.ไม่สามารถรับรอง ส.ส.ได้ครบ 151 คน จะส่งผลกระทบอะไรกับการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่นั้น เข้าใจว่าหลักกฎหมาย 95% คือครบ 60 วัน ประมาณ เดือน ก.ค.และหากช้าไป ไม่รับรองก็จะไม่สามารถติดกระดุมเม็ดแรกได้ ไม่สามารถเปิดประชุมสภา ฯ เลือกประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ได้ ตั้งรัฐบาลไม่ได้ ซึ่งก็จะทำให้เกิดความล่าช้า และประชาชนก็คงเรียกร้อง กกต.ให้ดำเนินการให้เร็ว เพื่อเป็นประโยชน์กับประชาชน

ส่วน ส.ส.ของพรรคก้าวไกลมีถูกร้องเรียนบ้างหรือไม่ เท่าที่เห็นคือ มีแค่นางสาวชลธิชา แจ้งเร็ว ว่าที่ ส.ส.จังหวัดปทุมธานี ที่น่าจะเป็นคดีเกี่ยวกับ มาตรา 112 แต่ตนเองยังไม่ได้ติดตามรายละเอียดกับทีมกฎหมายว่ามีประเด็นอะไรบ้าง และวันนี้ต้องขอให้กำลังใจให้ลูกพรรค นางสาวชลธิชา ที่จะต้องขึ้นศาลโดยไม่มีทนายความในคดีมาตรา 112 และเป็นกำลังใจให้ และหวังว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี และเข้าไปทำงานรับใช้ประชาชนชาวปทุมธานีร่วมกับ ว่าที่ ส.ส.ที่ได้รับเลือกตั้งมา

เมื่อถามถึงกรณี พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา สมาชิกวุฒิสภา และอดีตเลขาธิการ กกต.ที่โพสต์ข้อมูลว่า หากนายพิธา ต้องพ้นจาก ส.ส.กรณีถือหุ้นสื่อ จะไม่ส่งผลต่อฐานะหัวหน้าพรรคที่เซ็นรับรองส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง นายพิธา ระบุว่า ตนเองอาจจะยังไม่ได้เห็นรายละเอียดของ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ทำให้อาจจะยังให้ความเห็นไม่ได้ แต่เท่าที่ดูข้อมูลของนักวิชาการ และอดีต กกต.หลายท่านบอกว่ามีกฎหมายที่สามารถพูดได้ ไม่ได้เกี่ยวข้องว่าใครพลาดอะไรแล้วที่เหลือต้องมีการเลือกตั้งใหม่ พร้อมย้ำว่า ยังมั่นใจในรายละเอียดของตนเอง และมั่นใจว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ ทุกอย่างเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ และไปในแนวโน้มที่ดี ถ้า กกต.รับรองเมื่อไรก็คาดว่าจะประชุมสภาได้โดยเร็ว และจะตั้งรัฐบาลได้

ส่วนตำแหน่งประธานสภาฯ ที่มีกระแสข่าวว่าจบแล้ว ซึ่ง นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต ส.ส. พรรคไทยศรีวิไลย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้รับตำแหน่งประธานสภาฯ แล้ว นายพิธา ตอบว่า เท่าที่ดู ทวิตเตอร์ของ นพ.ชลน่าน โพสต์ว่า คำว่าจบแล้ว มีนิยามของมัน ไม่ได้จบแล้วที่ตัวบุคคล และในความขัดแย้งนี้มีกระบวนการแก้ไขปัญหาว่าจะทำอย่างไรให้เป็นประธานสภาฯ ของประชาชน และตามที่นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล บอกไว้คือกลางเดือน มิ.ย. เพราะฉะนั้นคงต้องยึดคำสัมภาษณ์ของนายชัยธวัช และทวิตเตอร์ของ นพ.ชลน่าน เป็นหลัก ดังนั้นสิ่งที่นายมงคลกิตติ์พูด นายชัยธวัช ก็โต้ไปแล้วว่าไม่เป็นความจริง

ส่วนกรณีที่นายเสกสกล อัตตถาวงศ์ สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ออกมาเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้พรรคก้าวไกลให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เตรียมเก็บของออกจากทำเนียบรัฐบาล ดังนั้นทางพรรคก้าวไกลก็ระวังว่าจะเป็นการฝันค้าง ยังมีอีกหลายด่านกว่าจะตั้งรัฐบาลได้ นายพิธา ระบุว่า ยังไม่เห็นว่านายเสกสกล พูดถึงอะไร ทั้งนี้มองด้วยความเข้าใจว่า เมื่อมีการเปลี่ยนผ่านทางอำนาจแล้ว ปกติแล้วคนที่เขาแพ้เลือกตั้ง ก็จะต้องยินดีกับผู้ที่ชนะ แล้วก็ยอมแพ้ และส่งมอบงานให้กับรัฐบาลต่อไป หากเอาประชาชนเป็นที่ตั้งก็จะไม่หลุดจากหลักการตรงนี้ แต่อาจจะยังคงมีเรื่องของสภาล่างและสภาสูงในลักษณะนี้มากกว่า

ทั้งนี้ที่สภาแรงงานระบุถึงกรณีค่าแรง 450 บาท ถ้าพรรคก้าวไกลไม่สามารถทำได้ภายใน 100 วันแรกก็จะไปร้อง กกต.ว่าสัญญาแล้วทำไม่ได้ นายพิธา ยืนยันว่า 100 วันแรกตามกฎหมายก็จะต้องให้ไตรภาคีที่เป็นลูกจ้าง 5 คน นายจ้าง 5 คน ฝ่ายรัฐอีก 5 คน มาพูดคุยกัน หากลูกจ้างเห็นด้วยว่า 450 บาทเป็นราคาที่เหมาะสม เพราะเดือนนี้หากคำนวนยังไม่ถึงหมื่น แล้วทุกวันนี้ต้นทุนในการใช้ชีวิตสูงมาก หากเป็นไปแบบนี้ก็คิดว่าสามารถเป็นไปได้ใน 100 วันแรกว่าจะมีการเจรจากันเกิดขึ้น ขณะนี้ก็จะต้องใช้โอกาสในการเจรจากับนายจ้างและ SMEs ที่กลัวว่าจะมีผลกระทบ ก็จะต้องพูดถึงว่าไม่ได้มีค่าแรงอย่างเดียว แต่จะมีการอัพสกิลและรีสกิลให้มีคุณภาพของแรงงาน และการดูแล SMEs ที่จะทำให้ผลกระทบจากค่าแรงได้รับการบรรเทาลง และเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสและเพิ่ม ระบบควบคุมอัตโนมัติให้กับการทำงานมากขึ้น ซึ่งรัฐจะมีแพ็กเก็จในการช่วยเหลือประคับประคอง เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลใจ

Related Posts

Send this to a friend