POLITICS

‘ประยุทธ์’ โต้ข้อหา ‘นักกู้’ ชี้ กู้มาเพื่อช่วยประชาชน

‘ประยุทธ์’ โต้ข้อหา ‘นักกู้’ ชี้ กู้เพื่อช่วยประชาชน วอนติดตามผลงานต่อ คาดมีสิ่งที่ดีรออยู่ ยันไม่โกรธ ส.ส. เป็นการส่วนตัว พร้อมรับคำอภิปรายแก้ในชั้น กมธ. หากร่างงบฯ ผ่านเข้าวาระ 2

วันนี้ (2 มิ.ย. 65) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ (รมว.) กระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นกล่าวชี้แจงเพิ่มเติม ภายหลัง พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการ (รมช.) กระทรวงกลาโหม ตอบชี้แจงการอภิปรายของ นายพิจารณ์ เชาว์พัฒนวงศ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าฝ่ายกิจการสภา พรรคก้าวไกล อภิปรายวิจารณ์ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดยเน้นย้ำความสำคัญของภารกิจกระทรวงกลาโหม เนื่องจากเรื่องสงครามที่ไทยเทียบกับประเทศอื่นไม่ได้มากนัก อย่างที่ประเทศเพื่อนบ้านมีศักยภาพทางทหารมากขึ้นในช่วง 2-3 ปีนี้ ทำให้รัฐบาลต้องเตรียมการเพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

พลเอก ประยุทธ์ ยังกล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ พ.ศ. 2566 ว่า เป็นแหล่งเงินประเภทหนึ่งของการทำนโยบายรัฐบาล หากพิจารณาจากเอกสารแล้วตัดสินเลยว่ารัฐบาลไม่ทำอะไร หรือประเทศเราไม่ได้อะไรเลยนั้น ขอเรียนว่า ที่ผ่านมารัฐบาลใช้งบประมาณจากแหล่งเงินหลายอย่าง บางเรื่องรัฐบาลใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี บางเรื่องรัฐบาลใช้เงินกู้ดำเนินการ บางเรื่องใช้เงินจากรัฐวิสาหกิจหรือเงินนอกงบประมาณดำเนินการ โครงการลงทุนส่วนใหญ่ที่ไม่ปรากฏอยู่ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีนั้น รัฐบาลจะดำเนินการผ่านการลงทุนร่วมภาครัฐและเอกชน (PPP) ซึ่งมีความก้าวหน้ามาตามลำดับ

“ถึงแม้เราจะใช้งบประมาณขาดดุล เรื่องของการกู้อะไรต่าง ๆ แต่ช่วงนี้จำนวนหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเพราะส่วนหนึ่งมาจากเงินกู้ 1.5 แสนล้านบาท ที่ผ่านมาท่านก็รู้ว่ามีสถานการณ์อะไรเกิดขึ้นกับประเทศของเรา เพื่อให้เขาอยู่รอดในช่วงโควิดระบาด หนี้สาธารณะขึ้นเพียง 50% กว่า ไม่ถึง 60% อยู่แล้ว ดังนั้น ให้ดูว่างบประมาณใช้เพื่อทำอะไร”

พลเอก ประยุทธ์ กล่าวถึงแนวนโยบายของรัฐบาลหลายด้าน ทั้งการส่งเสริม 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย การพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศ การปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่ พร้อมทั้งส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ ด้วยส่งเสริมอำนาจละมุน (Soft Power) ทั้งอาหาร ภาพยนตร์ การออกแบบ ศิลปะการป้องกันตัว และเทศกาลประเพณีไทย

“การพัฒนาเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากงบประมาณปีเดียว และไม่ได้ใช้งบประมาณจากแหล่งเดียว ใช้ทั้งเงินกู้ เงินร่วมลงทุนรัฐและเอกชน เงินจากรัฐวิสาหกิจ มาดำเนินการ และต้องใช้เวลาในการดำเนินการที่นานพอสมควร … ที่ท่านกล่าวหาว่าเราเป็นนักกู้ แต่เรากู้มาเพื่อใคร เรากู้มาเพื่อช่วยเหลือประชาชนกว่า 40 ล้านราย และช่วยเหลือผู้ประกอบการ

แม้หนี้สาธารณะจะสูงขึ้น แต่เราก็ทำเพื่อประชาชน เราได้รับการจัดอันดับที่ดีของสถาบันทางการเงินและยังคงระดับความเชื่อมั่นการแข่งขันของประเทศไทย ถ้าสถานการณ์ดีขึ้น ทุกอย่างกลับมาสู่ปกติ ผมคิดว่ามันคงจะเบาลงแล้วล่ะ การใช้จ่ายของเราก็ทยอยชำระหนี้ไปตามกฎหมายทุกปี”

พลเอก ประยุทธ์ กล่าวขอบคุณว่า คนไทยทุกภาคส่วน ไม่ใช่แค่รัฐบาลอย่างเดียว ทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด เพราะประชาชนต้องได้รับประโยชน์ หลายคนบอกว่าผมโทษคนนู้นคนนี้ แต่ผมต้องการระดมความคิดของคนทุกคน ไม่งั้นก็แก้ปัญหาไม่ได้ และเน้นย้ำว่าปัจจุบันเกิดวิกฤตซ้อนวิกฤต ทรัพยากรขาดแคลน ราคาสินค้าและค่าครองชีพสูงขึ้น

ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ได้แก่ การช่วยเหลือเพื่อซื้อก๊าซหุงต้ม การช่วยเหลือค่าน้ำมันให้กับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง การช่วยลดภาระค่าไฟฟ้า การตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล การลดอัตราเงินสมทบของนายจ้างและลูกจ้างในระบบประกันสังคม ท้ายที่สุด ที่สำคัญปีนี้ถือเป็น “ปีแห่งการแก้หนี้ครัวเรือน” และการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้า

“วันนี้เป็นการพิจารณางบประมาณซึ่งเรามีอยู่อย่างจำกัด เพื่อให้ทุกอย่างสามารถขับเคลื่อนไปด้วยกัน มากบ้างน้อยมาก ขอให้ติดตามกันต่อไป คิดว่าน่าจะมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นในประเทศไทย และทำให้ประชาชนหลุดพ้นจากความยากจนได้เสียที”

พลเอก ประยุทธ์ เน้นย้ำแนวทางการบริหารว่า ถ้าเราให้ความสนใจเอาใจใส่ นอกจากความช่วยเหลือให้เปล่าอย่างเดียว ต้องสร้างโอกาสและเพิ่มขีดความสามารถเพิ่มขึ้นตามแนวทางของหลายประเทศในโลกใบนี้ ซึ่งเราไม่ได้ด้อยกว่าเขาเท่าไรนัก หลายอย่างเราก็ดีกว่าเขา และต้องปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่านี้

“หลายอย่างก็แก้ในสมัยรัฐบาลผมนี่แหละ ผ่านความร่วมมือของพรรคร่วมรัฐบาล ผมไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เพราะมองที่ประชาชนเป็นหลัก ไม่ต้องกังวล ผมนึกถึงประชาชน และคำนึงถึงกฎหมายที่มีอยู่ทุกประการ ไม่ได้มุ่งหวังจะมีผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น สิ่งสำคัญคือเราต้องรักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ เราทุกคนควรจะภูมิใจในประวัติศาสตร์ไปด้วยกัน

ถ้าเราแตกแยกไปมาก ๆ เราจะหาตัวตนของตัวเองไม่เจอ เพราะฉะนั้นมันจะเกิดความวุ่นวายสับสนอลหม่านในวันข้างหน้า ขึ้นอยู่กับบรรดา ส.ส. และประชาชนว่าจะเข้าใจอย่างไร ผมคงบังคับท่านไม่ได้อยู่แล้ว ขอให้มองหลายมิติด้วยกัน มองผม มองท่าน มองผมเหมือนผมมองท่านว่า ผมทำอะไรบ้าง”

พลเอก ประยุทธ์ กล่าวถึงการอภิปรายของ ส.ส. ตลอด 3 วันที่ผ่านมานั้นว่า หลายเรื่องก็เป็นประโยชน์ และหากผ่านวาระ 2 ก็พร้อมปรับแผนต่าง ๆ ในการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ เพราะเป็นงบประมาณที่รัฐบาลต้องนำไปใช้จริง

“ขอบคุณทุกท่าน ผมไม่ได้รังเกียจรังงอนอะไรทั้งสิ้น ไม่ได้มีอะไรโกรธเป็นการส่วนตัวทั้งสิ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้ายก่อนออกจากห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร

Related Posts

Send this to a friend