POLITICS

อธิบดีกรมโยธาฯ เข้ารายงาน ‘อนุทิน’ ถึงความคืบหน้าสอบตึก สตง. ถล่ม

อธิบดีกรมโยธาฯ เข้ารายงาน ‘อนุทิน’ ความคืบหน้าสอบตึก สตง. ถล่ม เผย ทุกอย่างยังอยู่ในไทม์ไลน์ ชี้ แบบจำลองตอบสาเหตุได้แน่

วันนี้ (2 พ.ค. 68) นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงการก่อสร้างอาคาร สตง. เข้ารายงานความคืบหน้าผลการตรวจสอบ กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า​ วันนี้เข้ารายงานใน​ 3 ประเด็น​ คือเรื่องการตรวจสอบความเสียหายของอาคาร​ โดยแบ่งเป็นการคารทั้งของภาครัฐและเอกชน​ ในพื้นที่กรุงเทพฯ​และต่างจังหวัด​ โดยในเบื้องต้นมีการตรวจสอบอาคารภาครัฐในกทม.​ 300 กว่าหน่วยงาน​ ประมาณ​ 900 กว่าอาคาร​ พบว่ามีความเสียหายรุนแรงกระทบต่อการใช้งานเพียง​ 1 อาคาร​ คือ​ อาคารของสตง.​ ส่วนต่างจังหวัดจะเน้นไปที่อาคารโรงเรียน​ โรงพยาบาล​ อาคารราชการ​ ซึ่งได้มีการตรวจสอบไปแล้ว​ 3,000 กว่าหน่วยงาน​ ประมาณ​ 9,000 กว่าอาคาร​ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาคารที่สามารถใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งมีอาคารที่เสียหายและปิดการใช้ 16​ อาคาร​ จากทั้งหมด​ 76 จังหวัด​ ซึ่งอาคารที่เสียหาย จะเห็นได้ว่ามีน้อยมาก และความรุนแรงระดับที่สามารถซ่อมแซมได้ตามหลักวิชาการก่อนที่จะเปิดบริการให้ใช้ ในส่วนที่เป็นอาคารของเอกชน มีการแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือเป็นอาคาร 9 ประเภท ตามกฎหมายที่ต้องมีการตรวจสอบทุกปี ให้แก่อาคารสูง อาคารขนาดใหญ่พิเศษ อาคารที่มีการชุมนุมที่มีพื้นที่เกิน​ 1,000 ตารางเมตร​ โรงมหรสพ สถานบริการที่มีพื้นที่ มากกว่า 200 ตารางเมตร โรงแรมที่เกิน​ 80 ห้อง​ อาคารชุด​ หอพักที่มีเนื้อที่เกิน​ 2000 ตารางเมตร​ และโรงงานที่มีความสูง​ 1 ชั้นขึ้นไป​ และมีพื้นที่เกิน 5,000 ตารางเมตร​ และป้ายที่มีความสูง​ เกิน​ 15 เมตร​ โดยอาคาร​ 9 ประเภทเหล่านี้​ โดยปกติต้องมีการตรวจสอบทุกปี​โดยผู้ตรวจสอบที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับ​กรมโยธาธิการ​และ​ผังเมือง​

นายพงษ์นรา กล่าวอีกว่า​ หลังจากเกิดเหตุ​การณ์​แผ่นดินไหว​ 28 มีนาคมที่ผ่านมา​ นายอนุทิน​ ได้มีการสั่งการให้มีการตรวจสอบซ้ำอีกครั้งหนึ่ง​ ว่าแผ่นดินไหวกระทบต่ออาคาร​ 9 ประเภท​ เหล่านี้หรือไม่​ ซึ่งใน กทม.​ด้านนายชัชชาติ​ สิทธิ​พันธุ์​ ผู้ว่าการ​กรุงเทพ​มหา​นคร​ ได้ออกคำสั่งให้เจ้าของอาคาร​ 9 ประเภทได้มีการตรวจสอบ​ และได้มีการออกคำสั่งไปแล้ว​ 11,000 อาคารในเขต ​กทม.​ และได้มีการตรวจสอบแล้ว​ 5,000 กว่าอาคาร​ ที่มีการตรวจสอบและได้มีการรายงานมาแล้วไม่ได้รับความเสียหาย​รุนแรงขึ้นขั้นต้องปิดการใช้หรือถึงขั้นสีแดง

ส่วนพื้นที่ต่างจังหวัด มีประมาณ 6 หมื่นกว่าอาคาร ใน 76 จังหวัด ทางท้องถิ่นได้มีการแจ้งให้เจ้าของอาคารตรวจสอบอยู่ การรายงานให้กรมโยธาธิการทราบในทุก 15 วัน ในกรณีที่เป็นอาคาร 9 ประเภท ส่วนอาคารอื่น ๆ อาคารขนาดเล็ก ทาง กทม. จะรับเรื่องร้องเรียน ผ่าน Traffy fondue ของ กทม. เพื่อให้ชาวบ้านได้ร้องเรียน เพื่อ กทม. จะได้เข้าไปตรวจสอบ ในปัจจุบันได้มีการแจ้งเรื่องให้ไปตรวจสอบประมาณ ​20,000 เรื่อง และกทม. เองได้มีการดำเนินการตรวจสอบและแนะนำแล้ว ประมาณ 18,000 กว่าเรื่อง เหลืออยู่ประมาณ 1,000 กว่าเรื่องที่อยู่ระหว่างการดำเนินการในส่วนอาคารต่างจังหวัดสำนักโยธาธิการและผังเมืองทางจังหวัด ได้ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้คำปรึกษาแนะนำกับประชาชน

นายพงษ์นรา ระบุอีกว่า​ การรายงานความก้าวหน้าในการสืบสวน สืบหาเหตุการณ์ความถล่มของอาคารสำนักงานสตง. โดยได้นำเรียนในเบื้องต้นว่า เราได้ตรวจสอบในเรื่องของการคำนวณ ซึ่งกำลังตรวจสอบในเรื่องของรายละเอียด เนื่องจากว่ามีรายละเอียดจำนวนมาก ที่กำลังตรวจสอบในเรื่องรายละเอียดอยู่ และมีแนวเรื่องที่กำลังทำคู่ขนานกันไป คือการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์ว่าอาคารสตง.มีการทางถล่มเกิดจากการออกแบบหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยได้ขอเวลาการพิสูจน์ ต่อนายกรัฐมนตรีไว้​ 90 วัน​ ซึ่งตามแผนมีอยู่​ 4 สูตร​ ไปไทม์ไลน์​ที่กำหนด ในระยะเวลา 90 วันนี้ ก็จะได้ผลว่าการออกแบบตามแบบทำให้อาคารพังหรือไม่​ วิธีการคือ​สร้างแบบจำลองโดยนำแบบเข้าในคอมพิวเตอร์​ และกำหนดคุณสมบัติของวัสดุ​เข้าไปในแบบจำลอง​ และให้แรงแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นจริงกระทำกับอาคาร​ จึงจะทำให้รู้ว่าอาคารสตง. นี้พังหรือไม่​ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ​ และภายใน​ 90 วันก็จะสามารถพิสูจน์ได้​

ส่วนเรื่องการตรวจสอบเอกสารได้มีการร่วมตรวจสอบเอกสาร​จากการไปตรวจยึด​ ในพื้นที่ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ​ ดีเอสไอ​ ก็จะมีการตรวจสอบในเรื่องของรายงานประจำวัน​ ประจำสัปดาห์​ การขออนุมัติ​ การเทคอนกรีต​ และในเรื่องการทดสอบวัสดุต่างๆ​ ส่วนวัสดุที่เก็บหน้างานมีการเก็บร่วมกับตำรวจ​ และทางตำรวจได้มีการอายัติไว้ไปตรวจสอบ​

​นายพงษ์นรา ระบุว่า​ ต้องไปปรับปรุง​กฎหมายกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง​ ว่าจะมีการออกกฎหมาย​กฎระเบียบ​ที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ร.บ.วิชาชีพวิศวกร​ และมาตรฐานของการก่อสร้าง​ของพ.ร.บจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการพูดคุยกัน​

เมื่อถามว่ากรอบระยะเวลา​ 90 วันจะสามารถสร้างแบบจำลองทาง​คณิตศาสตร์​ได้ใช่หรือไม่​ นายพงษ์นรา กล่าวว่า​ ขณะนี้ใช้เวลาดำเนินการไปแล้ว​ 1 เดือน​ และแบบจำลองนี้ทำโดย 5 หน่วยงาน​ แล้วมาวิเคราะห์​ร่วมกัน​ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในแบบจำลอง​ และทำออกมาเป็นบทสรุป​

ส่วนตอนนี้คณะกรรมการชุดที่ตรวจสอบพุ่งเป้าไปที่ประเด็นใดนั้น​ สิ่งที่ดูได้ทันทีคือการคำนวณตามแบบที่มีการจ้างการก่อสร้างที่มีอยู่แล้ว​ และที่มีการแก้ไขแบบ ว่าปัจจุบันที่อาคารก่อสร้างหลังนี้มีการออกแบบก่อสร้างคู่สัญญา และมีการแก้ไขแบบส่วนใดบ้าง ที่เกี่ยวกับโครงสร้าง เราจะมีการนำเข้าแบบจำลอง ซึ่งแบบจำลองชุดนี้ เหมือนกับนำอาคารจริง ก่อนที่จะมีการพังถล่ม​ และมีการรันโมเดลเข้าไปในระบบ

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ที่รองศาสตราจารย์เอนก ศิริพานิชกร ที่ปรึกษา สาขาวิศวกรรมโยธา วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์​ หรือ​ วศท.​ ให้ความเห็นว่าแบบไม่สอดคล้องกับกฎกระทรวง​ นายพงษ์นรา กล่าวว่า​ ตอนนี้ต้องรอผลสรุปของคณะกรรมการเพราะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมตนไม่สามารถพูดก่อนได้​

​นายพงษ์นรา ยืนยันว่า แบบจำลองจะสามารถตอบคำถามวาเหตุของตึกถล่มได้​ ซึ่งแบบจำลองที่เราตรวจสอบดำเนินการเป็นมาตรฐานอยู่แล้ว​ แต่ต้องมีการสร้างแบบจำลองให้ครอบคลุม​ในหลายสถานะ​ ในรายละเอียดคงต้องให้ทางคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงไปพิจารณา การสอบสวนข้อเท็จจริงนั้นมีอยู่ 4 องค์ประกอบ องค์ประกอบแรกคือหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรง​ คือสภาวิศวกร วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย และศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติ และมีสถาบันการศึกษาเข้ามาร่วมด้วย​ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ​ สมอ.​ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยหรือ ปภ. ​และ กทม. รวมไปถึงข้าราชการของกรมโยธาธิการ​และ​ผังเมือง​ ที่มีความรู้และการชำนาญการเรื่องนี้โดยมี วิศวกรใหญ่กรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นประธานกรรมการ สภาวิศวกรเป็นที่ปรึกษา โดยจะเห็นว่าองค์ประกอบของคณะทำงานชุดนี้ครอบคลุมผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ด้านนี้โดยตรง ตนเชื่อว่าเมื่อผลออกมา จะสร้างความชัดเจนให้กับ โครงการนี้ได้ ว่าสาเหตุของอาคารนี้ที่ถล่มเป็นเพราะอะไร​

เมื่อถามว่าขณะ อยู่ระหว่างการดำเนินการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ใช่หรือไม่ นายพงษ์นรา​ ระบุว่า ตอนนี้กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งมี​อยู่​ 4 ลำดับ​ ในลำดับแรกเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีการคีย์ข้อมูลเรียบร้อยแล้ว พร้อมยอมรับว่า มีอยู่หลายขั้นตอนจึงต้องใช้เวลา และหลังจากเสร็จแล้วจะต้องมีการประชุมหารือเพราะเราต่างคนต่างทำ​ เพราะถ้าหากทพฃำหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งอาจจะมีเรื่อง​ Human error เพราะการคีย์ข้อมูลต้องใช้การคีย์โดยคน เพราะฉะนั้นหากต่างคนต่างคีย์ข้อมูลเข้าไป ต้องมีการเช็คกัน และต้องมีการคุยถึงหลักเกณฑ์​ต่าง ๆ ​ว่าจะใช้หลักใด​ เพื่อให้เป็นฐานเดียวกัน​ ก่อนที่จะประมาลเป็นผลมา และต้องดูว่าผลของแต่ละสถาบันออกมาในแนวทางเดียวกันหรือไม่​ จึงออกมาเป็นผลสรุป​ของคณะกรรมการชุดนี้​

Related Posts

Send this to a friend