‘ภูมิธรรม’ ปัดเคยหาเสียงแก้ ม.112 เหตุต้องระวังให้มาก เพราะเกี่ยวโยงสถาบันฯ
‘ภูมิธรรม’ ปัดเคยหาเสียงแก้ ม.112 เหตุต้องระวังให้มาก เพราะเกี่ยวโยงสถาบันฯ หากรักประชาชนจริง ทำเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า สอน ‘ก้าวไกล’ ทำงานการเมืองต้องมีจุดสมดุล เหตุเคยอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน
วันนี้ (2 ก.พ. 67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงนโยบายของพรรคเพื่อไทยว่า มีการแก้ไข ม.112 ด้วยหรือไม่ว่า ม.112 เป็นเรื่องที่ต้องคำนึง ระมัดระวังและปฏิบัติอย่างเหมาะสม เรื่องมาตรา 112 ในการให้ความคิดเห็น แม้จะมีตัวแทนมายื่นหนังสือ พรรคก็แสดงจุดยืนที่เห็นแล้วว่าเรื่องนี้อาจจะกระทบกระเทือนสาธารณชน หากตัดสินใจไปก็จะมีผลกระทบต่อคนบางกลุ่ม และสร้างความแตกแยกครั้งใหม่ให้กับสังคม จึงต้องบอกว่าต้องเกิดฉันทามติ พูดคุยกัน เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ และวันนี้สถาบันมีความเป็นกลางทางการเมือง ไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจน
เพราะฉะนั้นถ้าเราจะทำงานแก้ไขปัญหา มีเรื่องสำคัญ อื่นอีกมาก ทั้งในเรื่องชีวิตของประชาชนความยากลำบากเศรษฐกิจยาเสพติดที่ยังมีผลกระทบอยู่สิ่งต่างๆ เราทำได้เต็มที่ ในส่วนของพี่น้องประชาชน พรรคการเมืองทุกฝ่าย ซึ่งในเรื่องนโยบายแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนทำได้หมด ทำได้เต็มที่ แต่เรื่องที่เกี่ยวโยงถึงสถาบันฯ ที่มีความเป็นกลางทางการเมืองก็ควรจะให้สถาบันฯ มีความเป็นกลางทางการเมืองได้อย่างแท้จริง โดยตนคิดว่าเรื่องด่วนจริงๆ ไม่ใช่เรื่องนี้
ทั้งนี้ เห็นใจพรรคก้าวไกล เพราะเคยอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน แต่สิ่งที่สำคัญ คือ ปัญหาในการทำพรรคการเมืองต่างๆ อยู่ที่จุดสมดุล ใช้กันได้ทุกเรื่อง ไม่ว่า การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และการแก้ไขปัญหาดำเนินการทางการเมือง “จุดสมดุล” หมายความว่า ในสังคมประชาธิปไตย รับประชาธิปไตยเกือบทุกที่ ยอมรับความแตกต่างและสงวนความแตกต่างได้ แต่ละความแตกต่างเป็นความแตกต่างที่มีความเป็นอิสระของตัวเอง ต้องเคารพทั้งหมด การจัดการต่างๆ ก็ต้องหาจุดสมดุลให้เพียงพอ ไม่มีความคิดใครเก่งที่สุด ดีที่สุด หรือเป็นประชาธิปไตยกว่ากัน แล้วไม่เคารพความเห็นที่แตกต่าง วันนี้แม้ว่ามี สส.มาคนเดียว ก็ล้วนเป็น สส.ที่ประชาชนเลือกมา เพราะฉะนั้นการคำนึงถึงหลายเรื่องที่ต้องไปเกี่ยวพันกับชีวิตประชาชนหรือโครงสร้างสถาบันทางการเมืองเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ประเทศชาติ ล้วนแต่ต้องคำนึงถึงความเห็น ที่แตกต่างกันและต้องเคารพในความเห็นที่แตกต่างกัน ถ้าเป็นอย่างนี้การทำงานทางการเมืองจะเข้าใจความต้องการของคนทุกส่วนทุกกลุ่มได้ดีมากกว่านี้ และจะร่วมมือกันทำในสิ่งที่เกิดประโยชน์กับประเทศได้สูงกว่านี้
นายภูมิธรรม ยังกล่าวด้วยว่าวันนี้ควรจะใส่ใจชีวิตความเป็นอยู่พี่น้องประชาชนก่อน ถ้าบอกว่ารักประชาชนแล้ว เอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง จะพบว่าประชาชนขณะนี้กำลังยากลำบากมาก จะวิกฤตหรือไม่ต้องลงไปดูของจริง ซึ่งสิ่งที่ รัฐบาลกำลังทำครั้งนี้ ยืนยันว่า Digital Wallet เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการที่จะทำให้ประเทศที่กำลังวิกฤตอยู่ได้รับการแก้ไข บางคนบอกว่า ไม่วิกฤต แต่ตนคิดว่าเรื่องวิกฤตหรือไม่ มันเลยขั้นนั้นมาแล้ว
ดังนั้น วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้น คือ วิกฤตทางการเงิน มาเรื่อยๆ นักเศรษฐศาสตร์ตระกูลหนึ่ง บอกว่า ถ้าวันนี้ไม่ได้ทำอะไรที่รุนแรง ถ้าที่เพิ่มกำลังซื้อ ทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียน วิกฤตการณ์แบบต้มยำกุ้งปี 40 จะกลับมา ถ้าพูดอย่างนี้ก็ต้องรีบกลับมาทบทวนแต่ถ้าฝ่ายที่ยังยืนยันว่า ไม่วิกฤต ถ้าหากอีก 2-3 ปีข้างหน้า วิกฤตแบบต้มยำกุ้งกลับมา ต้องไม่ใช่วิจารณ์อย่างเดียวแล้ว ตนถามหาความรับผิดชอบด้วย เพราะฉะนั้นวันนี้รัฐบาลได้แถลงต่อสภาชัดเจน และได้หาเสียงกับประชาชนแล้ว ก็ควรเปิดโอกาสให้รัฐบาลได้ทำงานเดินไปและรับผิดชอบต่อนโยบายของเราอยู่แล้ว จึงอยากฝากให้เป็นแง่คิดกับทุกคน พูดอย่างนี้ไม่ได้คิดว่าจะไปอะไรกับใครแต่เป็นเพียงความเห็นหนึ่งที่ให้ทุกคนพิจารณาเพื่อให้ประเทศชาติได้เกิดประโยชน์ และได้เดินหน้าต่อไป












