‘สุวัจน์‘ มอง เศรษฐกิจปี 68 จีดีพีโตขึ้นทะลุ 3% นักท่องเที่ยวทะลุ 40 ล้านคน
‘สุวัจน์‘ มอง เศรษฐกิจปี 68 จีดีพีโตขึ้นทะลุ 3% นักท่องเที่ยวทะลุ 40 ล้านคน แต่ขออย่าประมาท แนะรัฐบาลเตรียมเงินทุนสำรองไว้ หากเกิดวิกฤติฉุกเฉิน
วันนี้ (2 ม.ค. 68) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา ให้สัมภาษณ์วิเคราะห์เศรษฐกิจในปี 2568 ว่า เป็นปีที่เศรษฐกิจดีขึ้นจากปี 2567 แม้ภาพรวมจะยังไม่ดี แต่คิดว่ากระเตื้องขึ้น เนื่องมาจากเศรษฐกิจโลกที่เติบโตมากกว่า ร้อยละ 3 ประเทศไทยจึงได้รับอานิสงส์ ประกอบกับนโยบายที่รัฐบาลแจกเงิน 10,000 บาท และการใช้จ่ายงบประมาณปี 2567 การตรึงค่าไฟ ราคาพลังงานที่ไม่สูงจนเกินไป และความสำเร็จในการผลักดันตัวเลขนักท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้น และการส่งออกปี 2567 ที่ดีขึ้น
นายสุวัจน์ คาดการณ์ว่า จีดีพี ในปี 2567 อาจไม่เกิน ร้อยละ 3 แต่ปี 2568 จะได้แรงหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้นถึง 40 ล้านคน จากปีนี้ที่มีจำนวน 35 ล้านคน รวมถึงความร่วมมือจากภาคเอกชน นโยบายซอฟท์พาวเวอร์ (Soft Power) มาตรการลดหนี้ “คุณสู้ เราช่วย” และมาตรการลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt 50,000 บาท รวมไปถึงการแจกเงิน 10,000 บาทในเฟส 2 และเฟสต่อไป จะทำให้เกิดกำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจทั้งภาคบริการ การท่องเที่ยว สินค้าชุมชน มากขึ้น คาดว่าปีหน้าจีดีพีอาจโตมากกว่า 3%
นอกจากนี้ นายสุวัจน์ยังเสนอว่ารัฐบาลควรส่งเสริมการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) มากขึ้น และนโยบายท่องเที่ยวมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
นายสุวัจน์ กล่าวอีกว่า พรรคชาติพัฒนาในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล และมีนายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี จะช่วยสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลอย่างเต็มที่ แต่ยังประมาทไม่ได้ เพราะเคยเจอวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้ว เช่น การระบาดของไวรัสโควิด-19 และยังมีสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจอีกหลายเรื่อง อาทิ เรื่องสงคราม, เรื่องภูมิรัฐศาสตร์, เรื่องราคาพลังงาน รวมถึงนโยบายเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ที่จะมีการขึ้นภาษีนำเข้ากับประเทศคู่ค้าที่สหรัฐฯ ขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในนั้น ย่อมจะทำให้เกิดกำแพงภาษีหรือสงครามการค้าที่กระทบต่อเศรษฐกิจโลกในวงกว้าง ดังนั้นการรักษาวินัย การคลัง จึงเป็นเรื่องสำคัญ เราต้องมีเม็ดเงินสำรองไว้สำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉิน
“เศรษฐกิจไทยในปี 68 จะดีขึ้นในระดับใดขึ้นอยู่กับการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเราก็พร้อมจะทำงานช่วยสนับสนุนรัฐบาลอย่างเต็มที่” นายสุวัจน์ กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่เห็นด้วยกับการแจกเงินดิจิทัลเฟส 3 เพราะคาดว่าจะกระทบสถานะการเงินการคลังของประเทศนั้น นายสุวัจน์ มองว่า เป็นบทบาทของธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่แล้ว ที่ต้องท้วงติงนโยบายที่จะมีผลต่อสถานะการเงินการคลังของประเทศ ซึ่งเราก็พร้อมที่จะรับฟัง
