POLITICS

ก้าวไกล แนะ 3 วิธีลดค่าไฟอย่างยั่งยืน ย้ำ แก้ปัญหาค่าไฟ ต้องปรับที่โครงสร้าง

‘ศุภโชติ ก้าวไกล’ ถาม ‘นายกฯ’ จะยืดหนี้ กฟผ. เพื่อตรึงค่าไฟอีกหรือไม่ ก้าวไกล แนะ 3 วิธีลดค่าไฟอย่างยั่งยืน ย้ำ แก้ปัญหาค่าไฟ ต้องปรับที่โครงสร้าง หากไม่ปฏิบัติตามประชาชนอาจต้องจ่ายหนี้กว่า 1.4 แสนล้าน

วันนี้ (1 ธ.ค. 66) นายศุภโชติ ไชยสัจ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพลังงาน ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ณ ที่ทำการพรรคก้าวไกล เกี่ยวกับนโยบาย “Policy Watch” ในประเด็นค่าไฟ หลังคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติปรับขึ้นค่าไฟงวดเดือนมกราคม – เดือนเมษายน ปี 2567 เป็น 4 บาท 68 สตางค์ เมื่อวานนี้ (30 พ.ย.66)�
นายศุภโชติ กล่าวว่า ต้องย้อนกลับไปถึงมาตรการหลักที่รัฐบาลในอดีตใช้เพื่อช่วยลดค่าไฟฟ้าให้กับประชาชน คือ ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฝพ.) แบกรับต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและค่าไฟไว้ ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ใช้มาตรการเดียวกันในการลดค่าไฟให้กับประชาชน ให้เหลือ 3 บาท 99 สตางค์ แต่จำนวนตัวเลขที่สวนทางตรงกันข้าม คือภาระหนี้สินที่ กฝพ. ต้องแบกรับไว้เพิ่มสูงขึ้นถึง 95,000 ล้านบาท

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จึงออกมาแสดงถึงความกังวลเกี่ยวกับการมีมติให้ยืดหนี้ก้อนดังกล่าวออกไป เนื่องจากจะทำให้สร้างต้นทุนแก่การไฟฟ้าที่จะนำมาสู่การขาดสภาพคล่อง กระทบต่อความน่าเชื่อถือในการชำระหนี้ขององค์กร ส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ยต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อค่าไฟที่เพิ่มสูงขึ้นของประชาชนในอนาคต ทั้งนี้ มีการคำนวณว่าหากจะต้องใช้หนี้ก้อนนี้ รัฐบาลจะทำได้อย่างไร กกพ. จึงมีการประกาศรับฟังความคิดเห็นเรื่องค่าไฟ สำหรับเดือน ม.ค. 67 โดยมีมติออกมาว่ามาตรการการยืดหนี้ที่รัฐบาลใช้นั้น หากอนุญาตให้ กฝพ. ยืดระยะเวลาการจ่ายหนี้ออกไปเป็น 2 ปี ค่าไฟจะอยู่ที่ 4 บาท 68 สตางค์ ซึ่งจะถือเป็นวิธีที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด แต่หากต้องการรักษาอัตราค่าไฟให้คงเดิมที่ 3.99 บาท สำหรับต้นปีหน้า จะส่งผลให้ก้อนหนี้ที่แบกรับในปัจจุบันขยายจาก 95,777 ล้านบาท เป็น 140,000 ล้านบาท และสุดท้ายเมื่อหมดโปรโมชั่นเราอาจจะเห็นประชาชนต้องจ่ายค่าไฟ 6 บาทต่อหน่วยได้

นายศุภโชติ จึงเผยถึงข้อเสนอ 3 มาตราการของพรรคก้าวไกล เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเรื่องค่าไฟในระยะเร่งด่วน ดังนี้

มาตราการที่ 1: การปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ เพื่อช่วยลดปัญหาและต้นทุนการผลิตกระแสไฟฟ้าของประชาชนให้ลดลงอย่างยั่งยืนได้ เนื่องจากปัจจุบันก๊าซราคาถูกที่ขุดจากอ่าวไทย ถูกนำไปให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมีใช้ก่อน ส่วนก๊าซที่นำมาผลิตไฟฟ้าให้ประชาชนใช้ ส่วนใหญ่มาจากก๊าซที่มาจากการนำเข้าซึ่งมีราคาแพงมาก เท่ากับตอนนี้อุตสาหกรรมปิโตรเคมีใช้ถูก ประชาชนใช้แพง ดังนั้น หากนำ 2 ส่วนนี้มาถัวเฉลี่ยกัน แล้วค่อยกระจายให้ภาคเอกชนกับการผลิตกระแสไฟฟ้าของประชาชนในอัตราส่วนเท่าๆ กัน จะทำให้ต้นทุนของไฟฟ้า ถูกลงได้มากกว่าปัจจุบันถึง 70 สตางค์ต่อหน่วย

มาตรการที่ 2: การเจรจาแก้ไขสัญญาซื้อ-ขายไฟฟ้าที่รัฐบาลเคยทำกับโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ภาคเอกชน เพื่อลดค่าความพร้อมจ่าย (Availability Payment) ปัจจุบันประเทศไทยประสบปัญหาการมีจำนวนโรงไฟฟ้าเกินความจำเป็น ทำให้ปริมาณสำรองไฟฟ้ามากเกิน บางโรงไฟฟ้าแทบจะไม่ต้องผลิตไฟฟ้าเลยหรือไม่ได้เดินเครื่องเลยตลอดปี กลับได้เงินผ่านค่าความพร้อมจ่ายนี้ไปเรื่อยๆ ทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าความพร้อมจ่ายที่แฝงอยู่ในค่าไฟของพี่น้องประชาชนทุกคน ให้กับโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้เดินเครื่องกว่าเกือบหมื่นล้านบาทต่อปีฟรีๆ พรรคก้าวไกลจึงได้ศึกษาผลลัพธ์ที่ได้จากการแก้ไขค่าความพร้อมจ่ายนี้ลง จะสามารถประหยัดต้นทุนค่าไฟได้เพิ่มอีก 15 สตางค์ต่อหน่วย

มาตรการที่ 3: หยุดการเซ็นสัญญาโรงไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นเพิ่ม ในอัตราราคาที่แพง โดยอ้างว่าประเทศต้องการพลังงานสะอาด ทั้งที่ศาลชี้ให้เห็นว่ากระบวนการมีปัญหา อาจทำให้ประเทศเสียผลประโยชน์ นายศุภโชติ ย้ำว่า เรามีอีกหลายวิธีที่ทำให้ประเทศเพิ่มสัดส่วนของพลังงานสะอาดได้ ทั้งการปลดล็อกสายส่ง หรือการเปิดตลาดพลังงานสะอาดเสรี ซึ่งแทบจะไม่ส่งผลกระทบต่อค่าไฟของพี่น้องประชาชนเลย

นายศุภโชติ ยังกล่าวต่อว่า หากแก้ปัญหาที่โครงสร้างทั้ง 3 ข้อ ก็จะสามารถนำเงินที่เหลืออยู่ไปใช้หนี้ที่ กฟผ. แบกรับอยู่ได้ ท้ายที่สุดเราอาจได้เห็นค่าไฟที่สะท้อนความเป็นจริงและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่อัตรา 3 บาทต้นๆ

“ดังนั้น สุดท้ายแล้วสิ่งที่ขอฝากถึงรัฐบาลเศรษฐา คือให้ลองนำสิ่งที่พรรคก้าวไกลพูดมาเสมอ เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาภาคพลังงาน ต้องแก้ที่โครงสร้าง อยากให้รัฐบาลกลับไปศึกษาต่อและนำไปปฏิบัติใช้อย่างจริงจัง เพราะสุดท้ายคนที่ได้รับผลประโยชน์ก็คือพี่น้องประชาชนทุกคน แล้วถ้าวันนั้นมาถึง รัฐบาลจะเคลมก็ได้ว่าเป็นผลงานของตัวท่านเอง โดยที่พรรคก้าวไกลจะไม่พูดอะไร” นายศุภโชติ กล่าว

Related Posts

Send this to a friend