นายกฯ พร้อมหนุน กองทัพ – ตำรวจปกป้องชายแดน จาก ‘กัมพูชา’ ยัน ไม่มีเสียเปรียบ
นายกฯ พร้อมหนุน กองทัพ – ตำรวจปกป้องชายแดน จาก ‘กัมพูชา’ ยัน ไม่เสียเปรียบในการปกป้องอธิปไตย ส่วน ยกเลิก MOU 43-44 ขอให้เป็นหน้าที่รัฐบาล ปัดโยนภาระให้ประชาชน ชี้ เราระวังตัวเต็มที่ รู้จุดยืนว่าจะต้องตอบสนองด้วยวิธีใด ไม่มีอะไรต้องเกรงใจ
วันนี้ (1 ต.ค. 68) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา ในขณะนี้ ว่า ตนก็ทำงานคู่กันไปกับกระทรวงการต่างประเทศในเรื่องของการทูต และเรื่องการตั้งเงื่อนไข และจุดยืนของประเทศไทย ส่วนเรื่องของการดูแลอธิปไตยของไทย ดูแลอาณาเขตของไทย ตนได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และหารือใกล้ชิดกับผู้บัญชาการทหารบก เสนาธิการทหารบก
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ตนให้คำยืนยันกับทุกท่านในด้านการทหาร และเหล่าทัพไปว่า รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ รวมถึงตำรวจด้วย เพราะมีภารกิจของตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งหากเหล่าทัพต้องการการสนับสนุนจากรัฐบาล ตนดำเนินการด้วยความรวดเร็ว ทันที และเต็มที่ โดยเมื่อวานนี้ (30 ก.ย.) ได้เร่งอนุมัติงบกลาง เพื่อสนับสนุนภารกิจของกองทัพ เพื่อปกป้องในชายแดน ของประเทศไทย ที่กำลังมีปัญหากับประเทศกัมพูชาอยู่ ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกให้คำมั่นกับตนว่า เราจะไม่เสียเปรียบ รักษาอธิปไตยของเรา ซึ่งเราได้ทำในสิ่งที่เราต้องทำ และทำในสิ่งที่ประชาชนชาวไทย จะไม่ผิดหวัง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีการพูดคุยในเรื่องของ MOU 43 และ 44 อย่างไรบ้างหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่สภาผู้แทนราษฎร ได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาแล้ว แต่จะเดินไปถึงประชามติว่า ควรจะยกเลิกหรือไม่ และมีขั้นตอน บางคนบอกไม่อยากให้โยนภาระให้กับประชาชน ขอทำความเข้าใจว่า ไม่ได้เป็นการโยนภาระให้ประชาชน เแต่เพราะเรื่องอะไรที่มีความคิดแตกต่างกัน และไม่ใช่เรื่องสลับซับซ้อน หากเราให้ประชาชนมีส่วนร่วม และจะมีหลังพิง รวมถึงแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่าย แต่เมื่อมีการศึกษาออกมาแล้วรัฐบาลนำมาพิจารณาตนขอสงวนสิทธิ์ไว้ว่า ถ้าดูแล้วไม่เป็นประโยชน์กับประเทศของเรา เพราะวันนี้เราจะดูในเรื่องของประโยชน์ของประเทศเท่านั้น ซึ่งเรามีท่าทีแล้ว เพราะสิ่งที่เขาปฏิบัติมาไม่มีอะไรจำเป็นที่เราจะต้องให้ความเกรงใจ พร้อมย้ำว่า หากอะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย และถึงขั้นที่ว่า มีไปแล้วไม่เกิดคุณค่าอะไร คณะรัฐมนตรีของตนก็พร้อมที่จะยกเลิก
ส่วนที่กัมพูชามีการกระทำแบบนี้ ถือว่าเป็นภัยคุกคามหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องระวังตลอด ซึ่งทางกองทัพ และตำรวจ มีข้อสรุปที่ชัดเจน จากประชุม 4 เหล่าทัพ ว่าจะดำรงสภาพนี้ ทั้งเรื่องของการเตรียมพร้อม เรื่องของจุดยืน จนกว่าความเป็นภัยของประเทศกัมพูชาจะหมดไปต่อประเทศไทย ซึ่งเรื่องนี้มีความชัดเจนอยู่แล้ว และรัฐบาลก็ยึดถือกรอบนี้ เพื่อสนับสนุนข้อสรุปของฝ่ายความมั่นคงคือ 4 เหล่าทัพ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จากพฤติกรรมของกัมพูชาที่แสดงต่อเวทีโลก แบบหน้าไหว้หลังหลอก เรายังจะเชื่อใจอะไรได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราไม่ว่าประเทศเพื่อนบ้าน เราระมัดระวังตัวอย่างเต็มที่ เขามีพฤติกรรมอะไรก็แล้วแต่ จะหลอกหรือไม่หลอก เรามีความสามารถเพียงพอที่จะรู้ว่าจุดยืนอยู่ตรงไหน และเวลาใดที่เราควรจะตอบสนองการกระทำของเขาโดยวิธีใด ซึ่งเรื่องนี้ตนขอให้ความมั่นใจ












