POLITICS

ชัชชาติ พร้อมทำหน้าที่ผู้ว่าฯ กทม. ขอจัดการงานภายในก่อนพบ มท.1 และนายกฯ

วันนี้ (1 มิ.ย.65) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังเข้าพิธีรับตำแหน่งที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ว่า ภารกิจแรกคือ การประกาศทีมงานรองผู้ว่าฯ กทม. นายจักกพันธุ์ ผิวงาม ดูแลด้านการเงิน นายวิศณุ ทรัพย์สมพล ดูแลด้านผังเมืองและการโยธาฯ น.ส.ทวิดา กมลเวช ดูแลด้านภัยพิบัติ และกลยุทธ์ต่าง ๆ และนายศานนท์ หวังสร้างบุญ ดูแลปัญหาเมือง

ส่วนที่ปรึกษา 9 ท่าน บางท่านอาจไม่ได้มาในวันนี้

  1. นายต่อศักดิ์ โชติมงคล เป็นประธานที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.
  2. นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ เป็นประธานด้านยุทธศาสตร์ ช่วยผลักดันนโยบาย 214 ข้อ
  3. พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ที่มากด้วยประสบการณ์หลายด้าน
  4. พล.อ.ท.นพ.อนุตตร จิตตินันทน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข
  5. พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี เป็นอดีตตำรวจที่เก่งเรื่องการท่องเที่ยว และประสานงาน
  6. นางวิลาวัลย์ ธรรมชาติ เคยเป็น ส.ก.มาก่อน และจะประสานงานเรื่องการเมือง
  7. นายอรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี ดูเรื่องการระบายน้ำ โครงสร้างพื้นฐาน
  8. นายภาณุมาศ สุขอัมพร เป็นตัวแทนผู้พิการ ดูแลเรื่อง Universal Design
  9. นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ เป็นคนรุ่นใหม่ที่จะมาดูหลายนโยบาย เช่น เรื่องผู้ว่าฯ เที่ยงคืน Creative Economy เศรษฐกิจสร้างสรรค์

ทีมเลขานุการ ประกอบด้วย นายภิมุข สิมะโรจน์ เลขานุการผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งทำงานการเมืองมานาน ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯกทม. ประกอบด้วย นายเอกวรัญญู อัมระปาล นางสาวศนิ จิวจินดา นายจิรัฏฐ์ ม้าไว

นายชัชชาติ กล่าวว่า วันนี้คงลุยงานกันเลย เพราะมีหลายเรื่องที่เป็นเรื่องเร่งด่วน เช่น น้ำท่วม ความปลอดภัยทางถนน ทางม้าลาย หาบเร่-แผงลอย นโยบายยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังเป็นเหมือนเดิม เพราะเห็นว่าเริ่มมีข่าวการรุกล้ำพื้นที่ทางเท้ามากขึ้น ขอเรียนท่านปลัดฯ ว่ายังไม่เปลี่ยนนโยบาย ต้องหาข้อสรุปเรื่องหาบเร่แผงลอยให้ได้ จุดที่สมดุลอยู่ตรงไหน และเรื่องสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว พรุ่งนี้จะเชิญทางกรุงเทพธนาคม มาให้ข้อมูล คงต้องทำเรื่องนี้ให้โปร่งใส และคงต้องมีรายละเอียดคุยกับทางรัฐบาลได้มากขึ้น

สำหรับเกณฑ์การเลือกทีมงานดูจากหลายมิติ ขอให้มีความหลากหลายทั้งในแง่ประสบการณ์ ความโปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริต มีความรู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง แต่ยังมีอีกกลุ่มที่ยังไม่สรุปชื่อมาเป็นกลุ่มทางเทคนิค ประมาณ 30-40 ท่าน เป็นกลุ่มนักวิชาการที่ไม่ใช่กลุ่มการเมือง

ส่วนงบประมาณประจำปี 2565 ค่อนข้างมีจำกัดไม่ถึง 100 ล้านบาท จะเห็นว่ามีการลดภาษีและสิ่งปลูกสร้างไป 10% หายไปเกือบหมื่นล้านบาท และเห็นว่าหลายโครงการถูกตัดออกไป เชื่อว่าตัวเลขคงไม่น้อย ต้องไปดูว่าสุดท้ายเหลือเท่าไร แต่นโยบายทั้ง 214 ข้อ อยู่บนพื้นฐานที่ว่า ไม่ใช้เงินเยอะ ไม่มีเมกะโปรเจค เช่น การทำแอปพลิเคชันร้องเรียนปัญหา ซึ่งอาจจะรองบประมาณปี 2566 ไม่ได้เป็นห่วงอะไร เพราะหลายเรื่องขับเคลื่อนได้โดยที่ไม่ต้องใช้เงิน

แนวทางการแก้ปัญหาคนไร้บ้าน ขออย่าพูดให้ประชาชนรู้สึกกลัว เพราะคนไร้บ้านเป็นคนวิกลจริตแค่ 1-2% และคนไร้บ้านจำนวนมากไม่ได้สร้างปัญหา คิดว่าต้องเริ่มจากการทำฐานข้อมูล อาจจะต้องลงชุมชนมสกขึ้นเพื่อดูจำนวนคนไร้บ้าน อย่างโครงการบ้านอิ่มใจนั้น จะต้องเปิดใหม่ ไร้บ้านแต่ต้องไม่ไร้โอกาส ต้องสนับสนุนสวัสดิการพื้นฐาน เช่น สิทธิบัตรทอง และบัตรประจำตัวประชาชน มีแผนหมดแล้ว ต้องดูแลทั้งกาย ใจ และสุขภาพ

ขณะเดียวกันโครงการเมกะโปรเจค จะต้องกลับไปประเมินความคุ้มทุน เพื่อเรียงลำดับความสำคัญก่อน เช่น การก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำ การก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสีย การปรับปรุงสวนลุมพินี รวมมูลค่าหมื่นล้านบาท ซึ่งจะเน้นที่เส้นเลือดฝอยเป็นหลัก เชื่อว่าจะดูแลประชาชนได้ดีกว่าเดิม โดยจะกระจายไปยัง 50 เขต เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนเป็นหลัก

สำหรับรถไฟฟ้าสายสีเขียว จะมีแนวทางเคลียร์ปัญหาสัมปทาน โดยมี lead time ให้คิด ต้องคิดเรื่องหนี้ และขบวนการรับหนี้ ประเด็นเรื่องการบรรจุแต่งตั้งข้าราชการในระดับปัจจุบัน ต้องให้ความเป็นธรรม ถ้าขบวนการแต่งตั้งโยกย้ายไม่เป็นธรรม ข้าราชการจะเสียขวัญและกำลังใจ คงต้องคืนความเป็นธรรมให้ข้าราชการ กทม.

นายชัชชาติ ยังกล่าวถึง การย้ายศาลาว่าการ กทม.ไปอยู่ที่ดินแดงว่า ต้องมองภาพใหญ่ว่า หน้าที่ของข้าราชการต้องรับใช้ประชาชน เอาประโยชน์ของกรุงเทพมหานครเป็นที่ตั้ง โดยจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาข้อดีข้อเสีย ต้องสื่อสาร ต้องมีเอกสารเพื่อที่จะลดค่าใช้จ่าย ส่วนพื้นที่ตรงนี้แม่ค้าบอกว่า อย่าย้ายเลย กลัวไม่มีคนมาใช้บริการที่ร้าน หากย้ายไปตรงนี้จะกลายเป็นศูนย์กลางกรุงเทพฯ เป็นแหล่งท่องเที่ยว จะมีนักท่องเที่ยวมาอีกมหาศาล อาจจะย้ายเสร็จใน 2-3 ปี คิดว่าลานคนเมืองเป็นสิ่งที่มีค่า มันคือ สะดือกรุงเทพฯ ไม่ใช่ที่จอดรถ เพราะอนาคตจะเป็นที่ที่เราไปเดินเที่ยวได้

นอกจากนี้นายชัชชาติ ยังกล่าวตอนหนึ่งว่า “เราไม่ใช่เจ้านาย เราเป็นเพื่อนร่วมงาน”

ขอให้อ่านนโยบายเพื่อเดินไปด้วยกัน ขอให้ข้าราชการไม่ต้องติดตาม เพราะเป็นคนตื่นเช้า ไม่จำเป็นไม่ต้องมา ขอให้ทำงานด้วยความสุจริต โปร่งใส ส่วนจะเข้าพบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเมื่อไรนั้น ขอจัดการงานภายในให้เสร็จสิ้นก่อน

Related Posts

Send this to a friend