ทั้งนี้เกษตรกรผู้มีสิทธิได้รับเงินส่วนต่าง ต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกมันสำปะหลังและแจ้งปริมาณผลผลิตและระยะเวลาเก็บเกี่ยวกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 เป็นต้นมา และต้องปลูกมันสำปะหลังจริง โดยคาดว่ามีทั้งหมด 470,000 ครัวเรือนทั่วประเทศ ส่วนเกษตรกรที่ไม่มีเอกสารสิทธิ ก็สามารถได้รับเงินส่วนต่างได้ หากขึ้นทะเบียนและปลูกจริง
และนอกจากมาตรการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังแล้ว รัฐบาลยังมีมาตรการคู่ขนานอื่นๆเพื่อรักษาเสถียรภาพราคามันสำปะหลังแบบยั่งยืน ด้วยการเพิ่มการใช้มันสำปะหลังในประเทศ เช่นการส่งเสริมนำไปทำพลาสติกชีวภาพ เหมือนในประเทศอินเดีย รวมทั้งการเจราจาการค้าเพื่อส่งออกมันสัมปะหลังไปที่อินเดียและตุรกี ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพมาก ซึ่งขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าเจรจา FTA ระหว่างไทยและตุรกีให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อลดภาษีนำเข้าแป้งมันให้เหลือ 0%
ส่วนการจ่ายเงินประกันราคาข้าว จะสามารถเริ่มดำเนินการได้เร็วขึ้นเป็นวันที่ 7 ธ.ค.จากเดิมกำหนดไว้วันที่ 15 ธ.ค. สำหรับข้าวโพด ล่าสุดได้เคาะราคาประกันที่ราคา 8.50 บาท ความชื้น 14.5% เมื่อวันที่ 30 พ.ย.โดยจะนำเข้าที่ประชุมครม. เพื่อขอความเห็นชอบและจะเริ่มโอนเงินได้ในวันที่ 20 ธ.ค.นี้