POLITICS

“อ้น” ซัด “ช่อ” ปั่นกระแสป้ายสี “มาดามเดียร์” จี้ “ปิยบุตร” สั่งสอน “ช่อ” อ่านกฎหมายให้แตก หยุดดิสเครดิตความน่าเชื่อถือกระบวนการยุติธรรม

จากกรณีที่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือ “ช่อ” ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคอนาคตใหม่แถลงข่าวพาดพิงไปยังนางสาว น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ทำนองว่ามีความเกี่ยวข้องเป็นเจ้าของสื่อชัดเจน แต่กลับไม่ถูกดำเนินคดีนั้น

ล่าสุด น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ หรือ “อ้น” รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. กล่าวยืนยันว่า น.ส.วทันยา ปฏิบัติตามกฎหมายถูกต้องครบถ้วน และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าวใดๆ ของสื่อในเครือเนชั่น จึงขอให้น.ส.พรรณิการ์ ไปทำความเข้าใจเรื่องคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส. และส.ส.ตามมาตรา 98 (3) รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ที่ระบุว่า “บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร… เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ” ก่อนที่จะออกมาชี้นำให้สังคมเกิดความสับสนเช่นนี้

เนื่องจาก เรื่องนี้ น.ส.พรรณิการ์ และพรรคอนาคตใหม่เองรู้อยู่เต็มอกว่า น.ส.วทันยา นั้นทำทุกอย่างถูกต้อง เมื่อกระบวนการขั้นตอนถูกต้องตามคุณสมบัติแล้ว จึงไม่มีความผิด และหาก น.ส.พรรณิการ์ กับพรรคอนาคตใหม่เห็นว่า น.ส.วทันยา ขาดคุณสมบัติ ส.ส. ตามมาตราใดของรัฐธรรมนูญ ก็สามารถใช้กระบวนการทางกฎหมายยื่นตรวจสอบคุณสมบัติของ ส.ส. ได้ แต่เมื่อถึงเวลาใกล้กำหนดวันชี้ขาดกรณีของ นายธนาธร กลับไปหยิบยกกรณีนี้ขึ้นมา หวังปั่นกระแสสร้างความเข้าใจผิด น.ส.พรรณิการ์และพรรคอนาคตใหม่ไม่ควรมาแถลงข่าวบิดเบือนให้ผู้อื่นเสียหายเช่นนี้ น.ส. พรรณิการ์ ควร “ตั้งสติ” รอผลคำตัดสินของศาลเสียก่อนเพราะยังไม่มีใครรู้ว่าผลจะออกมาเป็นคุณหรือโทษต่อพรรคอนาคตใหม่ทั้งนั้น แต่การแถลงข่าวของ น.ส.พรรณิการ์ เมื่อวานนี้ทำให้ประชาชนมีคำถามว่า กระทำเพื่อหวังกดดันกระบวนการพิจารณาคดีของศาลหรือไม่ หรือเป็นการหวังลดความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมของไทยหรือไม่

“ขอให้น.ส.พรรณิการ์ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนพูด รวมถึงข้อมูลต่างๆ เพราะทั้ง น.ส. วทันยา และคู่สมรสไม่ได้เป็นเจ้าของผู้ถือหุ้นสื่อใดๆ ทั้งสิ้น และขอให้หยุดชี้นำสังคมว่า นักการเมืองที่มีบุคคลในครอบครัวทำงานด้านสื่อหรือในอดีตนักการเมืองเคยทำงานด้านสื่อแล้วนักการเมืองท่านนั้นจะมีอิทธิพลต่อสื่อนั้นๆ จะทำให้สื่อออกข่าวให้คุณให้โทษต่อนักการเมืองได้ มิฉะนั้นแล้วหากสังคมถือตามบรรทัดฐานนี้ ประชาชนอาจมองว่าการที่หัวหน้าพรรคการเมืองท่านหนึ่งมีมารดาผู้ให้กำเนิดถือหุ้นสื่อใหญ่ในปัจจุบัน หรือในอดีตโฆษกพรรคการเมืองท่านหนึ่งก็เคยทำงานด้านสื่อ เป็นพิธีกรรายการข่าวและบรรณาธิการข่าว ก็อาจจะมีอิทธิพลต่อสื่อนั้นๆ ด้วยเช่นกัน”

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า ขอให้นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางกฎหมายที่สุด อธิบายกับ น.ส.พรรณิการ์และสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ให้ชัดเจนว่า รัฐธรรมนูญกำหนดข้อห้ามของคู่สมรสและบุตรของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเฉพาะในมาตรา 184 ตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น คุณสมบัติของ ส.ส. ตามมาตราอื่น เป็นข้อบังคับเฉพาะตัวของผู้เป็นส.ส. นั้นเอง เช่น มาตรา 98 (3) บัญญัติห้ามผู้สมัคร ส.ส. และ ส.ส. เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ นั้น กฎหมายบัญญัติห้ามใครบ้าง ห้ามบุคคลในครอบครัวเป็นเจ้าของหรือถือหุ้นสื่อหรือไม่ กฎหมายไม่ได้ห้ามอดีตผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสื่อเข้ามาเป็นนักการเมือง การที่อดีตเคยทำงานสื่อหรือมีบุคคลในครอบครัวหรือไม่ได้หมายความว่าบุคคลนั้นจะครอบงำสื่อได้

Related Posts

Send this to a friend