‘สมชาย‘ ขอนายกฯ เลิกดันทุรัง โครงการดิจิทัลวอเล็ต
‘สมชาย‘ ขอนายกฯ เลิกดันทุรัง โครงการดิจิทัลวอเล็ต ชี้ กู้ 5 แสนล้าน มาใช้แบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เสี่ยงผิดกฎหมาย และนำไปสู่คดีความเหมือน “จำนำข้าว” แนะ ควรนำงบไปต่อยอดโครงการของรัฐบาลที่แล้ว มอง ไม่ใช่เป็นรัฐบาลใหม่ ครึ่งหนึ่งของรัฐบาลปัจจุบันมาจากรัฐบาล ‘ประยุทธ์’
วันนี้ (25 มี.ค. 67) ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 28 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ เปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริง หรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) แถลงต่อสภาฯ ถึงปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมาย ในเรื่องโครงการเงินดิจิทัลวอเล็ต (Digital Wallet)
นายสมชาย แถลงต่อสภาฯ โดยกล่าวขอบคุณนายเศรษฐา ที่ชี้แจงในสิ่งที่ตนเองทักเรื่องการเดินทางไปต่างประเทศ จนทำลายสถิติโลก และสถิติของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงสัญญาว่า จะอยู่ปฏิบัติหน้าที่ในประเทศอีก 2 เดือนต่อจากนี้โดยไม่เดินทาง ซึ่งหากเป็นไปได้ก็อยากให้อยู่เพิ่มอีก 4 เดือน และเชียร์ให้อยู่ถึง 6 เดือน ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ในฐานะ CEO ผู้บริหารของคณะรัฐมนตรี ไม่ใช่หน้าที่เซลล์แมน ซึ่งการทำหน้าที่ CEO คือการคุมเรื่องการผลิต การบริหารราชการแผ่นดิน ความมั่นคงฯ การแก้ไขปัญหาสังคม โดยการไปขายอะไรที่ยังผลิตขายไม่ได้ มันไม่เกิดประโยชน์ การไปเดินทางไปมิตรประเทศเพื่อเยี่ยมเยือน 3-4 ประเทศ นั้นไม่มีความจำเป็น การประชุมบางแห่ง สามารถมอบหมายรองนายกฯ ที่เกี่ยวข้องไปได้ และหวังว่านายกฯ จะตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ การไปถึง 6 เดือน ทำให้หัวโต๊ะในการแก้ปัญหาไม่มี ส่งผลให้เกิดการสุญญากาศ
ส่วนที่มาถามว่า สว. อภิปรายอะไรตอนนี้ เนื่องจากงบประมาณยังไม่ออก ตนมองว่าเป็นความผิดของ ครม. เอง เพราะสภาแห่งนี้ ตนเองไม่ได้โหวตให้นายกฯ เศรษฐา และไม่ได้โหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล แต่โหวตเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 65 ผ่านมาแล้ว 7-8 เดือน ครม. ชุดเก่าทำงบประมาณเสร็จไว้แล้ว ถ้าตนเป็นท่านคงเสนอร่างงบประมาณเข้าสภา และใช้ กรรมาธิการในสภาที่มีเสียงข้างมากไปแก้ในสภาฯ ซึ่งป่านนี้กฎหมายการเงิน ที่มีเม็ดเงินที่สำคัญประมาณ 1 ล้านล้านบาท เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ คงใช้ได้ตั้งแต้ 4 เดือนที่แล้ว
นายสมชาย กล่าวต่อว่า นายกฯ หมกมุ่นมากเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต ที่ได้ไม่คุ้มเสีย และวิงวอนมาตลอดว่าขอเลิก อย่าดันทุรัง ซึ่งตั้งแต่ตนอยู่ในฐานะ สว. เกี่ยวกับการอภิปรายรัฐบาลมาแล้ว 6 ครั้ง โดย 5 ครั้ง เป็น 4 รัฐบาล ซึ่งรับฟังความเห็น และนำไปแก้ไข แต่มีรัฐบาลนึงที่ไม่ฟัง คือโครงการรับจำนำข้าว สุดท้ายรัฐมนตรีติดคุก นายกฯ หนีออกต่างประเทศ ซึ่งเงินดิจิทัลวอเล็ตก็เช่นกันที่อภิปรายทิ้งทวนก่อนหมดวาระ ดังนั้นเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัล เงินกู้ 5 แสนล้านบาท เอามาตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ เสี่ยงผิดกฎหมาย และนำไปสู่คดีความแน่นอน
นายสมชาย กล่าวถึงเงื่อนไขเงินดิจิทัล ที่มองว่าจะละลายลงไปกับการแจก และไม่เป็นผล ซึ่งคำคัดค้านทั้งจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศเทศ ที่มีอดีต รมว.คลัง หรืออดีตผู้ว่าฯ แบงค์ชาติ และภาคต่างๆ ที่ลึกๆ ไม่มีใครเห็นด้วย โดยใช้เงิน 5 แสนล้านบาท และต้องใช้คืนภายใน 4 ปี ประมาณ 2.7 ของ GDP ไปแลก 0.46 เปอร์เซ็นของ GDP จึงมองว่าขาดทุนแน่นอน และความเห็นของหน่วยเอกชนทั้งหมด ที่เห็นตรงกันว่า เศรษฐกิจโลก และประเทศไทยไม่ได้มีวิกฤติขนาดนั้น
ฉะนั้นท่านจะต้องดำเนินการถ้าอยากทำโครงการ คือการออก พ.ร.บ.เงินกู้ฯ ท่านก็ไม่ออก ซึ่งผ่านมาแล้ว 7 เดือน พวกตนเองก็รอคว่ำอยู่ ท่านก็ไม่ส่งเข้ามา ถ้าออกพ.ร.บ.เงินกู้ฯ ตามมาตรา 53 มีเงื่อนไขชัดเจน การกู้เงินของรัฐบาลจะต้องทำโดยตราขึ้นเป็นการเฉพาะ เช่น ทำงบประมาณไม่ทัน, เร่งด่วน หรือวิกฤต ก็ไม่วิกฤต เป็นแค่ถาวะฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เพียงแต่ท่านจัดการบริหารประเทศไม่ถูกต้อง มันถึงจะเกิดการแจก ที่ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
“ในโครงการคนละครึ่งของรัฐบาลที่แล้ว ท่านก็ใช้ได้ รัฐบาลที่แล้ว ก็ใช้นโยบายของพรรคเพื่อไทย รัฐบาลนี้ก็ควรใช้นโยบายของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ได้ เศรษฐกิจมันจะได้เดินต่อไปหลังจากวิกฤตโควิด ไม่ใช่พอขึ้นมาเป็นรัฐบาลใหม่ ก็ไม่อยากได้ยินชื่อโครงการอะไรก็ตามที่มาจากรัฐบาลที่แล้ว ทั้งๆ ที่ครึ่งนึงของรัฐบาล เป็น ครม. ที่มาจากรัฐบาลในชุดที่แล้ว“ นายสมชายกล่าว
นอกจากนี้นายสมชาย กล่าวอีกว่า ท่านนายกฯ ไปขายแลนด์บริดจ์ ตอนนี้ไม่ว่าอะไรเพราะเห็นด้วยและสนับสนุน แต่โครงการดังกล่าวต้องใช้ระยะเวลาอีกกว่า 7 ปี และโครงการ EEC ภายใต้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ยังขายไม่ถึงครึ่ง ถ้าท่านไปขายให้เต็มไปแล้วไปแลนด์บริดจ์ต่อ ตนเองก็จะไม่ว่าอะไร และเสนอแนะให้มีการยกระดับการอัพสกิล คนของเรา รวมถึงการสร้าง การวิจัยและพัฒนา เราจะต้องดำเนินการให้ได้
ในข้อเอกสารที่ตนเก็บรวบรวมไว้ทั้งหมด และพร้อมจะยื่นดำเนินคดีด้วยหากท่านเดินต่อ ทั้ง ป.ป.ช. ,คณะกรรมการกฤษฎีกา, สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) วันที่ตนเองพ้นจากตำแหน่งเมื่อไหร่ หากท่านเดินหน้าต่อและผิดกฎหมาย ตนก็จะไปยื่น ป.ป.ช. ดำเนินคดี
นายสมชาย ยังเสนอแนะ ให้นำเงินในโครงการไปช่วยเหลือผู้ที่ขาดโอกาสในขณะที่เกิดความเหลื่อมล้ำของประเทศ ซึ่ง 14 บ้านคนอยู่ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และเงินเหล่านี้จะหมุนเวียนไปในโครงการคนละครึ่ง ไม่ใช่แจกเงินแล้วกลับเข้าไปอยู่ในระบบ และสามารถนำไปทำโครงการอื่นได้อีก
นายสมชาย กล่าวอีกว่า ได้วิงวอนครั้งสุดท้ายไปถึงรัฐบาลให้เลิก เพราะผิดกฎหมายทั้ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง และขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการสร้างหายนะให้กับประเทศในอนาคต จึงเห็นว่าเป็นความท้าทายของรัฐบาลชุดนี้ ที่ประชาชนตั้งคำถามถึงความนิยมของรัฐบาลในโพลล่าสุดที่ตกต่ำกว่าพรรคฝ่ายค้าน เพราะเขารอคอยมา 6-7 เดือน มีอะไรบ้างที่เป็นรูปธรรม และตนให้สอบตกทุกข้อ ที่แก้ปัญหาของพี่น้องประชาชน มีเพียงบางเรื่องที่ต้องชม คือการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ถ้าท่านนายกใช้เวลาจากนี้ 2 เดือน รับปากตน นั่งประชุม ครม. เศรษฐกิจ อาทิตย์ละ 5 วัน ท่านจะแก้ปัญหาได้ และท่านต้องมองภาพรวมของการสร้างที่เป็นระบบ โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสร้างให้เกิดประสิทธิภาพให้เป็นวาระแห่งชาติ
“ถ้าท่านยังดำเนินการในการกู้มาแจกแหลกลาญ 5 แสนล้าน แบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เพราะหวังแค่คะแนนเลือกตั้ง ท่านกำลังทำลายประเทศ ผมเตือนเพราะความหวังดี เพราะท่านเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทััง 67 ล้านคน จึงขอให้ท่านเลิกเถอะครับ“ นายสมชายกล่าวทิ้งท้าย