‘สว.สุรเดช’ ขอรัฐบาลดูความคุ้มค่าโครงการแลนด์บริดจ์

‘สว.สุรเดช’ ขอรัฐบาลดูความคุ้มค่าโครงการแลนด์บริดจ์ เผยมีความยุ่งยากในการขนถ่ายสินค้า หวั่นเอกชนไม่ร่วมลงทุน แนะ ควรฟังความเห็นทั้งเสียงคัดค้าน-สนับสนุน
วันนี้ (25 มี.ค. 67) นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ สมาชิกวุฒิสภา อภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน เกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจของชาติ เรื่องสะพานเศรษฐกิจเชื่อมทะเลอ่าวไทยกับอันดามัน (Landbridge) และปัญหาเศรษฐกิจของชาติเรื่องระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC) ตามมาตรา 153 ของรัฐธรรมนูญในประเด็นด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับงานด้านคมนาคม
นายสุรเดช กล่าวว่า งานด้านคมนาคมเป็นสิ่งสำคัญในด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากมีงบประมาณแผ่นดินลงทุนเป็นจำนวนมาก โดยในแต่ละปีมีมูลค่าสูงกว่าหลายแสนล้านบาท จากที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 66 ที่ผ่านมา เป็นเวลา 6 เดือนกว่าแล้ว ตนเองในฐานะคณะกรรมการคมนาคมฯ มองว่าโครงการเศรษฐกิจเชื่อมทะเลอ่าวไทยกับอันดามันที่นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญ เป็นโครงการที่จะสร้างประโยชน์ด้านการขนส่งสินค้า โดยจะลดระยะเวลาการเดินเรือจากเดิมที่ต้องผ่านไปยังช่องแคบมะละกา และช่องแคบสิงโปร์ ทำให้ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายได้มากยิ่งขึ้น โดยประเทศไทยจะเป็นทางผ่านการขนถ่ายสินค้าจากการเชื่อมสองท่าเรือฝั่งอันดามันและอ่าวไทยด้วยระบบราง ซึ่งการที่จะทำให้โครงการดังกล่าวสำเร็จได้นั้น ต้องมีอุตสาหกรรมหลังท่า หรือระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ด้วย ทั้งนี้จากการติดตามโครงการดังกล่าว มองว่ามีความน่าสนใจ แต่ได้ตั้งข้อสังเกตถึงความคุ้มค่าและความเป็นไปได้ ดังนี้
1.หากเราจะทำการแข่งขัน เราต้องแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือผู้ประกอบการรายเดิม คือประเทศที่มีท่าเรือผ่านช่องแคบมะละกา เช่นสิงคโปร์ มาเลเซีย เนื่องจากการดำเนินดังกล่าว ต้องการสร้างเพื่อทดแทนความคับคั่งที่ช่องแคบมะลากา ซึ่งเป็นการแข่งขันการเดินเรือสินค้ากับสิงคโปร์ และมาเลเซีย ดังนั้นหากเราทำโครงการดังกล่าวจะสามารถทำได้เร็วกว่าและประหยัดระยะทางได้ดีกว่าหรือไม่
2.จะประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถูกกว่าเดิมหรือไม่ และสามารถลดภาระการทำงานซ้ำซ้อนหลายขั้นตอนซึ่งจะนำมาสู่ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเมื่อมีการขนถ่ายสินค้าจากเรือไปการขนส่งอื่น จะต้องเพิ่มค่าใช้จ่าย จึงไม่ทราบว่าประหยัดค่าใช้จ่ายจริงหรือไม่
3.ความเหมาะสมในการสร้างท่าเรือ เนื่องจากในจังหวัดชุมพร ไม่มีเกาะที่จะสามารถบังคลื่นบังลม นอกจากนี้จังหวัดชุมพรและจังหวัดระนอง มีความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก หากมีการสร้างท่าเรือ อาจจะนำมาสู่ผลกระทบด้านการประมง การเกษตร และการทำลายทรัพยากรธรรมชาติหรือไม่ รวมถึงได้มีการประเมินค่าใช้จ่ายและความเสียหายในพื้นที่ดังกล่าวหรือไม่
4.มีชุมทางหรือไม่ ที่เป็นทางผ่านในการขนส่งสินค้าและรวบรวมสินค้า อย่างในกรณีท่าเรือของสิงคโปร์ มีชุมทางจากยุโรปและตะวันออกกลางมาผ่านสิงคโปร์ เพื่อส่งต่อไปยังออสเตรเลียและเอเชียตะวันออกได้ ทำให้ตั้งคำถามว่าไทยสามารถสร้างชุมทางและสามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้หรือไม่ โดยกรรมาธิการแลนด์บริดจ์ของสภาฯ ได้ศึกษาและระบุว่า โครงการดังกล่าวจะสำเร็จได้ เมื่อมีอุตสาหกรรมหลังท่า ทั้งนี้ ต้องพิจารณาจุดแข็งของพื้นที่ที่นำไปสู่ความสำเร็จ เมื่อเทียบกับโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่ดำเนินการ 10 เมือง ยังไม่พบความสำเร็จ ขณะที่โครงการอีอีซี ที่มีโครงการปิโตรเคมี แต่จนถึงวันนี้ยังไม่สำเร็จเท่าที่ควร
นายสุรเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไป Road show ในหลายประเทศตั้งแต่ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น ไม่ทราบว่าประเทศต่างๆ ได้ตอบรับโครงการ Land bridge แล้วหรือไม่ จึงต้องการให้นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า มีนักลงทุนหรือประเทศใดสนใจหรือไม่ เพราะตามข้อมูลของกระทรวงคมนาคม กำหนดเงื่อนไขให้เอกชนลงุทน 100% อีกทั้งนอกเหนือจากที่รัฐบาลได้สอบถามกระทรวงคมนาคม ได้มีการถามนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ หรือหน่วยงานอื่นที่มีความเกี่ยวข้องเพิ่มเติมหรือไม่ เนื่องจากโครงการขนาดใหญ่มีทั้งผู้ที่ได้ผลประโยชน์และเสียผลประโยชน์ ดังนั้นจึงต้องถามความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ รวมทั้งสอบถามถึงผู้ประกอบการเดินเรือว่ามีความเห็นด้วยกับโครงการดังกล่าวหรือไม่
นายสุรเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่สำคัญได้มีการศึกษาเปรียบเทียบกับคู่แข่งหรือผู้เล่นรายเดิมหรือไม่ เนื่องจากต้องมองว่าประเทศไทยมีจุดแข็งอะไร ที่จะดึงดูดให้การเดินเรือ การขนถ่ายสินค้า ต้องมุ่งหน้ามายังประเทศไทย แทนที่จะเป็นประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเดินเรือ อย่างไรก็ตามมองว่าโครงการดังกล่าวจะขับเคลื่อนได้ต้องอาศัยการลงทุนจากภาคเอกชน หากพิจารณาแล้วไม่มีความคุ้มค่า ย่อมเป็นไปได้ยากที่จะมาผู้เข้ามาลงทุนในพื้นที่ ส่งผลให้โครงการสูญเปล่า เช่นเดียวกับบทเรียนที่ผ่านๆ มา ในโครงการเชื่อมอันดามันและอ่าวไทย โครงการเชื่อมปากบารากับสงขลา และโครงการเชื่อมทวายกับแหลมฉบัง จึงต้องการให้กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาอย่างถ่องแท้ถึงความคุ้มค่า ความเป็นไปได้ และประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการดังกล่าว
“แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมาเราต้องยอมรับว่าประเทศไทยไม่มีความชำนาญ เรื่องการเดินเรือและไม่มีความชำนาญเรื่องการขนส่งทางเรือ เราได้ถอดบทเรียนจากโครงการต่างๆ ที่ผ่านมา รวมถึงท่าเรือและการขนส่งของไทยที่มีอยู่อย่างจำกัดแล้วหรือไม่” นายสุรเดช กล่าว
ดังนั้น จึงขอเสนอว่านอกเหนือจากโครงการเมกะโปรเจคที่ทางรัฐบาลจะส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะทำท่าเรือ Landbridge เพียงอย่างเดียว ยังมีโครงการอีกหลายอย่างที่จะทำให้ประเทศไทยมีความเจริญก้าวหน้า โดยการนำจุดแข็งและศักยภาพของไทยที่มีความพร้อมมาสานต่อโครงการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อการส่งเสริมระบบการคมนาคมและขนส่งของประเทศ เช่น ระบบขนส่งทางราง เนื่องจากเรามีจุดแข็งทางด้านภูมิศาสตร์ โดยเฉพาะโครงการ เชื่อมโยงการเดินทางและขนส่งเส้นทางสิงคโปร์-คุนหมิง หรือการเชื่อมโยงระบบการคมนาคมและขนส่งระหว่างประเทศไทยกับ สปป.ลาว (หนองคาย-เวียงจันทน์) ที่จะช่วยเรื่องการขนถ่ายสินค้าและขนส่งผู้โดยสาร