The Reporters พบว่าในวันที่ 8 ก.ค.2560 นายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น เปิดเผยถึงการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือว่า รัฐบาลมีกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว และมีบัญชีธนาคารที่ประชาชนสามารถร่วมบริจาค เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ โดยขณะนี้มีเงินกองทุนเหลือจากการบริจาคช่วยน้ำท่วมภาคใต้กว่า 700 ล้านบาท
นอกจากนี้ข่าววันที่ 2 ส.ค.2561 นายสมพาศ นิลพันธุ์ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เปิดเผยไว้ในการมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยจ.น่าน ว่าเงินกองทุนฯมีคงเหลือประมาณ 800 ล้านบาท ที่จะสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้
ต่อมาในวันที่ 8 ม.ค.2562 รัฐบาลเปิดเผยยอดรับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ได้รับผลกระทบจากพายุปาบึก จ.นครศรีธรรมราช ได้ว่า 132 ล้านบาท
จากกลางปี 2561 ที่แจ้งว่ามีเงินคงเหลือในกองทุนประมาณ 800 ล้านบาท และ มีการรับบริจาคเพิ่มอีก 132 ล้านบาท หากมีการช่วยเหลือผู้ประสบภัยไปแล้ว จะมียอดคงเหลือเท่าไหร่
ตามรายงานข่าวที่ The Reporters พบว่ากองทุนมีเงินคงเหลืออยู่ประมาณ 790 ล้านบาท เมื่อรวมกับที่รับบริจาคเพิ่มได้ 263 ล้านบาทเมื่อคืนนี้ น่าจะมีเงินประมาณกว่า 1,000 ล้านบาทในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย
แม้ตามระเบียบระบุว่าจะเบิกจ่ายได้ทันที แต่ต้องทำตามหลักเกณฑ์ของราชการ ที่จะมอบให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต และบ้านที่เสียหาย ที่จะให้หลังจากน้ำลดแล้ว ตามที่ทางจังหวัดเสนอ
เรื่องนี้จึงต้องสอบถามต่อไปยัง นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เป็นประธานกองทุน และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่ารับบริจาคเงินไปแล้ว นำเงินไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้ทันท่วงที แตกต่างจากการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐอย่างไร