พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อภิปรายโต้กลับไปยัง นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ยืนยัน ว่าการจัดทำงบประมาณของรัฐบาล มีความห่วยใยประชาชนไม่ต่างกับฝ่ายค้าน โดย ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณ เป็นไปตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งทางสภาพัฒน์ ก็ได้นำข้อมูลที่มีอยู่ไปรวบรวม จนนำมาเป็น ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2564
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ยังอยากให้ไปดูงบประมาณรายจ่ายใน ปี 2563 ด้วยว่าประกอบไปด้วยงบฟื้นฟู เยียวยา โดยเฉพาะภาคธุรกิจ ทั้งขนาดเล็กและขนาดย่อม ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลก็ดูแลอย่างการจัดเก็บภาษี แต่ทั้งนี้การจัดหารายได้ก็มีความสำคัญ ว่าเราจะหารายได้เข้าประเทศได้อย่างไร เพราะขณะนี้กำลังมีการลงทุน ทั้งรถไฟฟ้าความเร็วสูง การพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ หรือ อีอีซี รวมถึงการลงทุนใน 10 จังหวัดชายแดน ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเศรษฐกิจของประเทศที่จะฟื้นตัว เมื่อมีการลงทุนมากขึ้นก็จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น นายกรัฐมนตรียังอยากให้ทุกคนให้กำลังใจซึ่งกันและกันเพราะหากมองย้อนไปในอดีต เห็นว่าไม่มีรัฐบาลไหนเคยทำโครงการขนาดใหญ่แบบนี้ ดังนั้นจึงอยากให้คนที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลเข้าใจด้วยว่ารัฐบาลตั้งใจทำงาน และที่ผ่านมา ตนเองไม่เคยไปก้าวล่วงใคร
นายกรัฐมนตรี ยีงชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภาว่า งบประมาณรายจ่ายปี 2563 พ.ร.ก.เงินกู้ พ.ร.บ.โอนงบประมาณ ปี 2563 และร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำ ปี 2564 ว่าแผนงานทั้งหมดจะ ต้องลงละเอียดมากกว่านี้ สิ่งที่ทุกคนเห็นอยู่ เป็นเพียงแค่ยอดวงเงินเท่านั้น แต่เมื่อลงไปถึงกระทรวงแล้ว จะมีรายละเอียดมากกว่านี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะเสนอมายังคณะรัฐมนตรี เพื่อคัดกรองอีกครั้งว่าสิ่งที่แต่ละกระทรวงได้เสนอเข้ามามีความจำเป็นหรือไม่ หากไม่มีความจำเป็นก็ไม่อนุมัติ พร้อมย้ำว่าเป็นนายกรัฐมนตรีใช้สติปัญหาบริหารประเทศ หากพูดไปแล้วต้องทำให้ได้ หากอะไรที่ยังไม่สมบูรณ์ต้องทำให้ดีขึ้น เพราะความเดือนร้อนของประชาชนไม่เท่ากัน วันนี้จะทำให้ประชาชนเลี้ยงดูตัวเองได้อย่างไร รวมถึงภาคธุรกิจ กิจการ ก็ต้องดำเนินธุรกิจได้ด้วยเช่นกัน สำหรับการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ที่จะให้มีการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และการรักษาพยาบาล เพราะประเทศไทยมีศักยภาพ หากใครมีเรื่องที่ดีมาเสนอก็พร้อมรับฟังทุกภาคส่วน ซึ่งทุกคนต้องช่วยกัน ไม่เช่นนั้นประเทศก็จะไปข้างหน้าไม่ได้
นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงถึงการดูแลธุรกิจขนาดใหญ่ และขนาดกลาง ได้รับการดูแลจากธนาคารพาณิชย์ หรือ ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งมาตรการต่างๆ ทุกธนาคารมีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เป็นห่วง คือ ประชาชนฐานรากยังมีภาระหนี้ มีการเรียกร้องให้รัฐบาลดูแลผู้มีรายได้น้อย แต่พอรัฐบาลจะช่วยก็เกิดการอ้างว่าหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เงินให้กู้ ไม่ใช่เงินของรัฐบาล แต่เป็นเงินของภาษีจากประชาชน ดังนั้น จะต้องคุยกันเพื่อหาความคล่องตัว ถ้าทุกคนร่วมมือกันทุกอย่างก็จะไปได้ เพราะช่วงนี้อยู่ในช่วงฟื้นฟู ประเทศจะต้องเข้มแข็งด้วยความร่วมใจ ไทยสร้างชาติ ไม่ว่าจะใครก็ตามคิดถึงตรงนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยังกล่าว ขอโทษในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฏร ถึงสาเหตุจากการพูดเสียงดังด้วยว่า
“เป็นคนพูดเสียงดัง พูดดังก็เวียนหัว ขอโทษครับคุณผู้หญิง เรียนท่านประธานนะครับขอโทษที่ผมเสียงดัง”
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการทำงานของส่วนท้องถิ่นว่าอย่าไปยุ่งกับการทำงานระดับท้องถิ่น พร้อมขอร้องว่าไปอย่ายุ่งเด็ดขาด หรือมายุ่งกับงานในกระทรวง ทุกคนรู้ ดังนั้นอย่าให้เกิดขึ้นอีก ส่วนการดูแลช่วยเหลือนั้นจะต้องตรงกับปัญหาไม่ใช่หว่านไปเรื่อย และขออย่าแบ่งแยกฐานะกันก่อนระบุว่า หนี้สาธารณะในต่างประเทศมากกว่าประเทศไทยหลายเท่า
ส่วนเรื่องการปรับโครงสร้างและหน่วยงาน นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฏรว่า ขณะนี้กำลังทำอยู่ การทำงานอะไรที่ไม่มีประสิทธิภาพก็จะต้องลดลง ทุกคนต้องยอมรับ แต่พอถึงเวลาจะมาอ้างเดือดร้อนไม่ได้ ทุกคนต้องปรับตัวเพื่อรองรับกิจกรรมใหม่ ๆ ทั้งภาคเกษตร ที่ควรคำนึงถึงดีมานด์ซัพพลายว่าทำอย่างไรจะเป็นเกษตรที่ลดมูลค่าการลงทุนหรือค่าใช้จ่าย แต่จะต้องไปหาวิธีเพิ่มกำไร ทำให้ราคาสูงขึ้น
ส่วนกิจการรถยนต์ ที่บางส่วนย้ายฐานผลิตไปประเทศอื่น เรื่องนี้เป็นเพราะประเทศอื่นค่าแรงถูกกว่าไทย แต่โรงงานหลักก็ยังคงอยู่ในประเทศไทย ส่วนตัวมองว่า ถ้าตอนนี้จะเดินไปข้างหน้า แต่สถานการณ์ยังไม่สงบ และทำไมยังทำให้ประเทศไม่สงบ ซึ่งนักลงทุนก็ไม่กล้าลงทุน ดังนั้นต้องทำให้นักลงทุนเขามั่นใจ แต่มีบางอาชีพต้องสงวนไว้เพื่อการลงทุนให้กับคนไทย แต่บางอย่าง รัฐบาลไม่สามารถปรับอะไรได้มากเพราะประชาชนบางส่วนยังไม่เข้าใจ
Send this to a friend