นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการดำเนินการกับ 4 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่โหวตสวนมติวิปรัฐบาล ในการตั้งญัตติศึกษาผลกระทบคำสั่ง ม.44 ว่า ตามหลักการของการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมจะต้องฟังมติพรรค และมีวิปรัฐบาลกำกับดูแลงานในสภาฯ อีกชั้นหนึ่ง ซึ่งในส่วนของ 4 ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องมีการทำบันทึกเหตุผลในการโหวตให้กับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคฯไปพิจารณา ว่าจะมีบทลงโทษ หรือมาตรการใดๆ ต่อเรื่องดังกล่าว ซึ่งผลของการพิจารณานี้จะนำไปสู่การตัดสินใจทางการเมืองอย่างใด อย่างหนึ่งในอนาคต ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับข้อบังคับของพรรรค และรัฐธรรมนูญ
พร้อมย้ำว่า การโหวตสวนมติวิปรัฐบาล ไม่ได้แสดงถึงความไม่มีเอกภาพของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเสียงส่วนใหญ่ก็ปฎิบัติตามวิปรัฐบาล และไม่เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของพรรคประชาธิปัตย์ในการร่วมรัฐบาล
ส่วนที่มีกระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรีโดยจะดึงพรรคเศรษฐกิจใหม่เข้าร่วมรัฐบาลนั้นตนเองและพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ขอออกความคิดเห็น เพราะเป็นเรื่องการตัดสินใจของพลเอกประยุธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพรรคพลังประชารัฐซึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล อีกทั้งยังไม่เคยได้ยินว่า จะมีการยึดเก้าอี้โค้วต้ารัฐมนตรีคืน
แต่ในฐานะที่ตนเองเป็นรองนายกรัฐมนตรีและ เป็นหัวหน้าพรรค ก็ได้กำชับรัฐมนตรีของพรรคทุกคนให้ทำงานอย่างเต็มที่ เร่งสร้างผลงานให้เป็นรูปธรรมในนามรัฐบาล และยังคงยืนยันนโยบายโครงการประกันรายได้เกษตรกร แม้จะเป็นนโยบายของพรรค แต่เมื่อเข้าร่วมรัฐบาลก็ต้องทำในนามรัฐบาล อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณจากนายกฯ ในการปรับ ครม. และ ครม.ทุกคนต่างก็ทำงานเข้าขากันได้ดี โดยเฉพาะตนเอง ที่ไม่ได้มีปัญหากับทีมเศรษฐกิจ เพราะมีวุฒิภาวะ และมีประสบการณ์ในการทำงาน ทั้งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แกนนำฝ่ายค้าน และเป็นรัฐมนตรีตั้งแต่อายุ 36 ปี จึงทราบดีว่าเวลาการทำงานร่วมกับคนอื่นจะต้องทำอย่างไร