POLITICS

‘เพื่อไทย’ ปูดหัวคะแนนทุจริตเลือกตั้งบึงกาฬ จี้ กกต.เร่งสอบปมบัตรเลือกตั้งสำรอง

‘เพื่อไทย’ ปูดหัวคะแนนทุจริตเลือกตั้งบึงกาฬ จี้ กกต. เร่งสอบ ปมบัตรเลือกตั้งสำรอง-กล้องวงจรปิด หวังคูหา 14 พ.ค. บริสุทธิ์ยุติธรรม

วันนี้ (12 พ.ค. 66) พรรคเพื่อไทย นำโดย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ หัวหน้าศูนย์ป้องกันการทุจริตเลือกตั้ง และ นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงเรื่องข้อสังเกตในการจัดการเลือกตั้ง เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ในการลงคะแนนเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ โดย นายประเสริฐ ตั้งข้อสังเกตทั้งหมด 4 ประเด็น ดังนี้

1.ขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของพรรคเพื่อไทย ที่เรียกร้องสอบถาม กกต. ให้ครบถ้วน ไปเมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา ทั้งในเรื่องของจำนวนบัตร การจัดส่ง มาตรการรักษาความปลอดภัย การดูแลรักษาบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้ว ฯลฯ โดยเฉพาะข้อมูลบัตรสำรองว่ามีจำนวนเท่าใด เมื่อลงคะแนนเสร็จสิ้นแล้วจะทำลายบัตรสำรองอย่างไร รวมทั้งต้องเปิดเผยวิธีการทำลายบัตรสำรองที่เขตเลือกตั้ง เพื่อยืนยันว่าจะไม่มีการสำรองไปใช้ในการลงคะแนนจริง เพราะปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 แสดงความไม่เป็นมืออาชีพ และความไม่พร้อมของ กกต. ที่จะจัดการเลือกตั้งให้มีประสิทธิภาพหรือไม่ จนทำให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัยการปฎิบัติงานของ กกต. อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

2.การจ่าหน้าซองผิดในบางเขตเลือกตั้ง กกต.ได้อ้างว่าทำงานมีประสิทธิภาพดีอยู่แล้ว จนถึงขณะนี้ได้ทราบหรือยังว่าจำนวนในการจ่าหน้าซองผิดมีมากน้อยเพียงใด แยกซองที่มีปัญหาออกมาแก้ปัญหาอย่างไร การที่เลขา กกต. แจ้งว่ามีผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัยนั้น ต้องมีมาตรการที่ชัดเจนกว่านี้ เพราะปรากฏเป็นข่าวว่ามีหลายซองไม่ได้มีการจ่าหน้าซองเลยแม้แต่รายการเดียว ซองแบบนี้อยู่ในสถานะใด เป็นบัตรเสียหรือไม่ กกต. มีวิธีการจัดการบัตรเลือกตั้งในซองเหล่านี้อย่างไร เพราะซองที่ไม่ได้เขียนอะไรเลย จะไม่มีเลขรหัสจังหวัด และเขตเลือกตั้งไว้เพื่อจัดส่ง และไม่สามารถตรวจสอบบัตรติ้ว (กระดาษแผ่นเล็กที่ กกต. ประจำหน่วยได้เขียนข้อมูลผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเพื่อใช้เขียนจ่าหน้าซองบัตรเลือกตั้งไปยังเขตเลือกตั้ง) การที่คะแนนเลือกตั้งที่เป็นเสียงบริสุทธิ์ของประชาชนต้องเสียไปแบบนี้ กกต. จะรับผิดชอบอย่างไร

3.ขอให้ กกต. จัดเตรียมพื้นที่รองรับตัวแทนพรรคการเมือง ประชาชนและสื่อมวลชน เข้าไปร่วมตรวจสอบเป็นสักขีพยานในการนับคะแนนจากบัตรเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตที่ลงคะแนนแล้ว และภายหลังจากการนับคะแนนส่วนนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะต้องแยกบัตรเลือกตั้งล่วงหน้านี้ไว้ต่างหาก เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ภายหลัง นอกจากนี้ ยังขอให้เปิดเผยจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า กับจำนวนบัตรที่ใช้ว่าตรงกันหรือไม่อย่างไรด้วย โดยขณะนี้พรรคเพื่อไทยมีข้อมูลบัตรเลือกตั้งทั้งหมดที่ได้รับจัดสรรแล้ว ทั้งจำนวนบัตรทั้งบัญชีรายชื่อ และแบบแบ่งเขต ทั้งจุดส่งมอบ เล่มที่ เลขที่ และเลข Pack พร้อมจะกระทบยอดได้ภายหลังการเลือกตั้ง ดังนั้นใช้ความระมัดระวังและยึดมั่นในความยุติธรรมและขอให้เปิดเผยจำนวนผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ตรงกับจำนวนบัตรในแต่ละเขต

4.การติดตั้ง CCTV ณ ที่ลงคะแนนล่วงหน้าและที่เก็บรักษาบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้วในส่วนของ กทม. ซึ่งทราบมาว่า กทม. ได้ทำหนังสือถึง กกต. ว่าจะขอติดตั้ง CCTV ไว้ด้านหน้าที่เลือกตั้งและบริเวณสถานที่จัดเก็บบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่ลงคะแนนแล้ว และจะเชื่อมโยงสัญญาณทั้ง 33 เขตเลือกตั้งมายัง กทม.และจะเผยแพร่ภาพแบบ Real time ให้ประชาชนสามารถเข้าตรวจสอบได้ แต่ กกต. กลับตอบมาว่า การติดตั้ง CCTV ที่หน้าจุดเลือกตั้งอาจละเมิดสิทธิของประชาชนที่ลงคะแนน สำหรับการติดตั้ง CCTV ณ สถานที่เก็บบัตร กกต. กลับอ้างระเบียบและคู่มือว่าให้ กกต. เขตจัดให้มีกล้อง แต่ไม่ได้ตอบทาง กทม. ให้ชัดเจน ว่าทาง กทม.อสามารถดำเนินการได้หรือไม่ อย่างไร

ด้าน พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ กล่าวถึงผลการปฏิบัติงานของศูนย์ป้องกันการทุจริตเลือกตั้ง และการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พรเจริญ จังหวัดบึงกาฬ จับกุมผู้ตั้งหา 1 รายพร้อมซองจดหมายภายในบรรจุธนบัตร 500 บาท รวม 22 ซอง รวมเป็นเงิน 11,000 บาท และโพยรายชื่อใช้สำหรับการซื้อเสียง 2 แผ่น และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องพร้อมไฟล์ภาพและเสียง ซึ่ง สภ.พรเจริญ ได้ดำเนินคดีแจ้งข้อหาว่าบุคคลดังกล่าวมีพฤติการณ์ซื้อสิทธิ์ขายเสียง โดยเตรียมนำเงินมาแจกจ่ายให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้กระทำการดังกล่าวจริง โดยได้รับการว่าจ้างจากพรรคการเมืองหนึ่ง ตำรวจ สภ.พรเจริญจึงได้เข้าจับกุมและแจ้งข้อหาว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.ป.เลือกตั้งฯ พ.ศ. 2561 มาตรา 73 วรรค 1 จัดทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินแก่ผู้ใด ซึ่งผู้กระทำผิดได้รับทราบข้อกล่าวหาแล้วจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

“หากพบการกระทำที่ทุจริตเกิดขึ้น ผมจะติดตามประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ผมขอให้นึกถึงอุดมคติของตำรวจเอาไว้ การกระทำของท่านจะส่งผลต่อท่านและครอบครัวไม่ว่าทางใด เรื่องนี้เกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ขอให้ กกต. สืบสวน สอบสวน วินิจฉัยโดยเร็ว” พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ กล่าว

Related Posts

Send this to a friend