สคฝ. เผยแผนโรดแมป 5 ปี เดินหน้าภารกิจคุ้มครองเงินฝาก ครอบคลุมธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา
นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) หรือ DPA เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นคุ้มครองเงินฝากให้ผู้ฝากและประชาชน พร้อมเปิดแผนโรดแมป 5 ปี (2566-2570) ชู 4 ยุทธศาสตร์สำคัญ รองรับวิสัยทัศน์การเป็นองค์กรคุ้มครองเงินฝาก ที่น่าเชื่อถือและทันสมัย สร้างความมั่นใจให้ผู้ฝากและประชาชน ผ่านสโลแกน “สถาบันคุ้มครองเงินฝาก พร้อมคุ้มครอง เคียงข้างคุณ” พร้อมรายงานสถิติเงินฝาก ณ สิ้นเดือน ต.ค. 65 พบว่าจำนวนผู้ฝากรวม 89.66 ล้านราย เติบโตกว่า 4.46% ครอบคลุมเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง จำนวน 16.12 ล้านล้านบาท เติบโต 3.36% ทั้งนี้สถาบันฯเผยด้านมาตรการ การคุ้มครองเงินฝากผ่านธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) ผู้ฝากจะได้รับความคุ้มครอง ตามวงเงินที่กฎหมายกำหนด 1 ล้านบาท ต่อ 1 รายผู้ฝาก ต่อ 1 ธนาคาร และตอกย้ำกองทุนคุ้มครองเงินฝาก มีความเข้มแข็งและมั่นคง พร้อมเสริมสร้างเสถียรภาพ ของระบบสถาบันการเงินของประเทศให้มีความมั่นคง
นายทรงพล กล่าวว่า “สถาบันคุ้มครองเงินฝาก พร้อมขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง ของนวัตกรรมทางการเงิน และการให้บริการทางการเงินรูปแบบใหม่ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล เน้นสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจ ให้ผู้ฝากและประชาชนผ่าน 4 ยุทธศาสตร์สำคัญ
ยุทธศาสตร์ที่ 1 พร้อมคุ้มครองผู้ฝากอย่างมีประสิทธิภาพ ตามพันธกิจการคุ้มครองเงินฝาก ด้านการจ่ายคืนและชำระบัญชี เมื่อเกิดวิกฤตสถาบันการเงิน ถูกเพิกถอนใบอนุญาต กระบวนการจ่ายคืนผู้ฝากต้องสะดวกรวดเร็ว ผ่านช่องทางที่ทันสมัย ถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด สถาบันฯ มีการประสานงานอย่างใกล้ชิด กับสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองทั้ง 32 แห่ง (รายชื่อสถาบันการเงินตามเอกสารแนบ) เพื่อทดสอบการรับส่งไฟล์ข้อมูลสถาบันการเงิน ผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ถูกพัฒนาขึ้น โดยเฉพาะเพื่อความปลอดภัยของข้อมูล พร้อมระบบประมวลผลข้อมูลและระบบปฏิบัติงานจ่ายคืนผู้ฝาก
ยุทธศาสตร์ที่ 2 พร้อมสร้างความเชื่อมั่นต่อสาธารณชน ให้มั่นใจในระบบคุ้มครองเงินฝากและเสริมภูมิคุ้มกันด้านการเงิน โดยการสื่อสารผ่านช่องทางและวิธีที่แตกต่าง ให้เหมาะสำหรับกลุ่มเป้าหมายในแต่ละช่วงวัย รวมถึงการผนึกกำลังกับหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อขยายขอบเขตการเข้าถึง และสร้างการตระหนักรู้ให้กับผู้ฝากและประชาชน และการสร้างความร่วมมือด้านการสื่อสารกับหน่วยงาน ในเครือข่ายความมั่นคงทางการเงิน (FSN) ได้แก่ กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย
ยุทธศาสตร์ที่ 3 พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้าง เสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินให้มีความมั่นคงและยั่งยืน ผ่านการเตรียมความพร้อม ในด้านการปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานในเครือข่ายความมั่นคงทางการเงิน และมีการพัฒนาระบบวิเคราะห์ข้อมูลเงินฝากเชิงลึก (Data Analytics) เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อการวิจัย และวิเคราะห์สถานการณ์เงินฝาก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมั่นคงของระบบสถาบันการเงิน
ยุทธศาสตร์ที่ 4 พร้อมพัฒนาศักยภาพองค์กร ให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง และมีธรรมาภิบาล ทั้งด้านบุคลากรและระบบเทคโนโลยีดิจิทัล มาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤต โดยเฉพาะระบบปฏิบัติงานจ่ายคืนผู้ฝาก และระบบปฏิบัติการภายในต่างๆ ที่เชื่อมต่อกับช่องทางการสื่อสาร เพื่อให้สถาบันฯมีความพร้อมในการดำเนินงานตามพันธกิจอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส ให้ข้อมูลที่ชัดเจนและถูกต้องต่อผู้ฝากและประชาชน
“ด้วยยุทธศาสตร์ระยะที่ 4 ในช่วงต่อจากนี้ ตั้งแต่ปี 2566 -2570 สถาบันคุ้มครองเงินฝากยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาประสิทธิภาพ ด้านการจ่ายคืนและชำระบัญชี และการสร้างความเชื่อมั่นต่อสาธารณชนโดยเพิ่มการเสริมภูมิคุ้มกัน ด้านการเงินให้ประชาชนมากขึ้น นอกจากนั้นสถาบันได้ปรับทิศทางการดำเนินงาน ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมทางการเงิน และการให้บริการทางการเงินรูปแบบใหม่ๆ อาทิ ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา หรือ Virtual Bank ที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทย อันเป็นผลจากการเติบโตของเทคโนโลยีดิจิทัล และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยปัจจุบันจะเห็นว่าหลายประเทศทั่วโลก ได้ออกหลักเกณฑ์ใบอนุญาตให้มีการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา หรือ Virtual Bank เช่น ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, เกาหลี, สิงคโปร์, อังกฤษ เป็นต้น สำหรับ Virtual Bank ในประเทศไทยนั้น การฝากเงินของผู้ฝากจะได้รับความคุ้มครองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ตามวงเงินคุ้มครองที่กฎหมายกำหนด จำนวน 1 ล้านบาท ต่อ 1 รายผู้ฝาก ต่อ 1 สถาบันการเงิน เช่นเดียวกัน”
“จากรายงานข้อมูลสถิติเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2565 พบว่ามีจำนวนเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง 16.12 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2564 จำนวน 5.25 แสนล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 3.36% โดยส่วนใหญ่มาจากการพักเงิน ในบัญชีเงินฝากของผู้ฝากรายใหญ่ และกองทุนในช่วงที่ตลาดการเงินมีความผันผวน และภาคธุรกิจที่นำเงินมาพักไว้ในบัญชีเงินฝาก เพื่อสร้างสภาพคล่องในการประกอบธุรกิจ โดยคาดว่าในปีนี้เงินฝากจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของสถาบันการเงิน ขณะที่จำนวนผู้ฝากที่ได้รับการคุ้มครอง มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 89.66 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 3.83 ล้านราย คิดเป็นการเติบโต 4.46% โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้น ของผู้ฝากบุคคลธรรมดาที่มีเงินฝากน้อยกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันผู้ฝากที่ได้รับความคุ้มครอง เต็มจำนวนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 98.01 (87.88 ล้านราย) ของจำนวนผู้ฝากทั้งหมด ปัจจุบันกองทุนคุ้มครองเงินฝาก มีจำนวนรวม 1.37 แสนล้านบาท มีสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง เข้มแข็งและมั่นคง พร้อมคุ้มครองเงินฝากแก่ผู้ฝาก”