INVESTMENT

บ้านปู เพาเวอร์ เผยผลประกอบการ Q3/65 กำไรโตต่อเนื่อง จากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ

บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าคุณภาพเพื่อโลกที่ยั่งยืน ล่าสุด รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2565 ด้วยกำไรสุทธิ 2,315 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 288 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) รวม 1,916 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 259 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับใน 9 เดือนแรกของปี มีกำไรสุทธิรวม 5,919 ล้านบาท ส่วนหลักมาจากผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ Temple I ที่บริษัทฯได้เข้าไปลงทุนเมื่อปลายปี 2564 นอกจากนี้บริษัทฯยังได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลท้องถิ่นจีน ในการพัฒนาโครงการโซลาร์รูฟท็อปในมณฑลเจิ้งติ้ง เดินหน้าการขยายเมกะวัตต์คุณภาพภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter สู่เป้าหมายกำลังผลิต 5,300 เมกะวัตต์ภายในปี 2568

นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ Temple I ที่โดดเด่น เกิดจากโอกาสในการสร้างกำไรเพิ่มเติมในตลาดไฟฟ้าเสรีในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง เนื่องจากราคาไฟฟ้าจะเป็นไปตามกลไกตลาด ทำให้สร้างกระแสเงินได้เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถบริหารจัดการ กับความท้าทายของราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Combined Heat and Power: CHP) ในจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยดำเนินนโยบายจัดซื้อเชื้อเพลิงแบบรวมศูนย์ เพื่อลดต้นทุนและสร้างความมั่นคงด้านเชื้อเพลิง อีกทั้งยังได้รับประโยชน์จากมาตรการบรรเทาราคาต้นทุนเชื้อเพลิง และนโยบายสนับสนุนผู้ผลิตไฟฟ้าของรัฐบาลจีน”

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2565 ส่วนหลักมาจากผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ Temple I ในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากรัฐเท็กซัสได้เข้าสู่ช่วงฤดูร้อน ซึ่งมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงที่สุดในรอบปี ทำให้มีปริมาณความต้องการไฟฟ้า และราคาขายไฟฟ้าที่สูงขึ้น นอกจากนี้โรงไฟฟ้าเอชพีซี (HPC) ในสปป.ลาว และโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี (BLCP) ในไทยยังสามารถเดินเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีค่าความพร้อมจ่าย (Equivalent Availability Factor: EAF) สูงถึงร้อยละ 95 และร้อยละ 100 ตามลำดับ ทำให้สามารถผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมทั้ง 3 แห่งในจีน มีรายได้จากการขายไอน้ำเพิ่มสูงขึ้น สำหรับโรงไฟฟ้า SLG มีการเข้าทำสัญญาซื้อถ่านหินระยะยาว ทำให้ต้นทุนราคาถ่านหินลดลง ส่งผลให้ผลประกอบการดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเจิ้งติ้งในจีน ได้รับเลือกให้พัฒนาโครงการโซลาร์รูฟท็อป ภายใต้นโยบายสนับสนุนของรัฐบาลท้องถิ่นในมณฑลเจิ้งติ้ง ปัจจุบันมีกำลังผลิต 58 เมกะวัตต์ ซึ่งมีศักยภาพพัฒนากำลังผลิตให้เพิ่มขึ้นเป็น 167 เมกะวัตต์ภายในปี 2566 ถือเป็นอีกก้าวของความสำเร็จ ในการขยายพอร์ตพลังงานสะอาด

นอกจากนี้ยังเดินหน้าต่อยอด โซลูชันเทคโนโลยีพลังงานสะอาดผ่านบ้านปู เน็กซ์ ที่ล่าสุดได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นเพื่อการลงทุน ในสัดส่วนร้อยละ 25 ในบริษัท อัลโต้เทค โกลบอล จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม IoT สำหรับจัดการระบบการใช้พลังงานในอาคารและโรงแรม พร้อมทั้งขยายธุรกิจยานพาหนะไฟฟ้า (E-Mobility) โดยมูฟมี (Muvmi) ผู้ให้บริการรถสามล้อไฟฟ้า (E-Tuktuk) ได้ขยายพื้นที่การให้บริการครอบคลุม 12 พื้นที่ โดยมีรถพร้อมให้บริการรวม 251 คัน และอยู่ในระหว่างการจดทะเบียนอีก 115 คัน สำหรับธุรกิจบริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า บริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี (Evolt) ได้ขยายความร่วมมือให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าจำนวน 94 สถานีในศูนย์การค้าของเซ็นทรัลพัฒนากว่า 25 แห่ง

Related Posts

Send this to a friend