INVESTMENT

บอร์ดสมาคมประกันวินาศภัยไทยชุดใหม่ ประกาศแผนยุทธศาสตร์ 4 พันธกิจหลัก

ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทยคนล่าสุด เผยพร้อมทำหน้าที่ขับเคลื่อนธุรกิจประกันวินาศภัยไทย ให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน ประกาศแผนยุทธศาสตร์สมาคมฯ พร้อมเดินหน้าตามแผนปฏิบัติการเร่งรัด หรือ Quick Win 5 ข้อเร่งปฏิบัติให้ภารกิจเห็นผลภายในปี 2566 และผลักดันให้สมาคมฯ ก้าวไปสู่การเป็นองค์กรที่ทันสมัย (Modernization of TGIA) เน้นความเป็นมืออาชีพ และสร้างมาตรฐานการปฏิบัติงาน ให้กับธุรกิจประกันวินาศภัย

ดร.สมพร เปิดเผยว่า “หลังจากที่สมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้เลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ชุดใหม่ ประจำปี 2566-2568 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ได้มีการประชุมร่วมกันเพื่อเลือกตั้ง ผู้ที่จะดำรงตำแหน่งต่างๆ และแต่งตั้งประธานคณะกรรมการประกันภัย และกรรมการที่ปรึกษา ในคณะกรรมการประกันภัยต่างๆ ของสมาคมฯ รวมทั้งยังได้ร่วมกันพิจารณากรอบและทิศทาง”

“สำหรับยุทธศาสตร์สมาคมฯ โดยยังคงมีเป้าหมายในการเป็นองค์กร ที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้ธุรกิจประกันวินาศภัยเป็นเสาหลักของระบบเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศอย่างยั่งยืน ยึดนโยบายในการทำหน้าที่ เป็นผู้บริหารความเสี่ยงมืออาชีพให้กับภาครัฐ และภาคเอกชน เน้นความเป็นมืออาชีพ สร้างมาตรฐานการปฏิบัติงาน เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่โปร่งใส ควบคู่ไปกับการช่วยเหลือสังคมในมิติต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนสมาคมฯ ไปสู่ Modernization of TGIA โดยการส่งเสริมให้สมาคมฯ มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปสู่ การเป็นองค์กรสมัยใหม่ที่มีความทันสมัย (Modern & Smart Organization) มีความเป็นมืออาชีพ มีธรรมาภิบาลและการดำเนินงานที่โปร่งใส สามารถนำเทคโนโลยีและทรัพยากร ที่มีอยู่มาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมทั้งสามารถปรับตัวในการสร้างคุณค่า ตอบสนองความต้องการของทุกภาคส่วน ที่เกี่ยวข้องได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและได้รับความไว้วางใจ และยอมรับจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง สำหรับแผนยุทธศาสตร์ของสมาคมฯ ปี 2566-2568 คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ได้มุ่งเน้นไปที่พันธกิจหลัก 4 ด้าน พร้อมทั้งได้มีการกำหนดกรอบ และทิศทางการดำเนินงาน ในแต่ละด้านเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจประกันวินาศภัยไทย ไปสู่การเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง ดังนี้”

พันธกิจที่ 1 ส่งเสริมให้ธุรกิจประกันภัยมีภาพลักษณ์ที่ดี เป็นที่ยอมรับในระดับสากลมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยมีกรอบและทิศทางการดำเนินการ ประกอบด้วย การสร้างความตระหนักรู้ให้เห็นความจำเป็นของการประกันภัย และการขับเคลื่อน ESG ในธุรกิจประกันวินาศภัยไทย

พันธกิจที่ 2 ยกระดับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ ในการทำหน้าที่เป็นผู้บริหารความเสี่ยงมืออาชีพให้กับภาครัฐและเอกชน โดยมีกรอบและทิศทางการดำเนินการ ประกอบด้วย การสนับสนุนให้เกิดศูนย์กลางข้อมูลและการใช้ข้อมูล ด้านการประกันวินาศภัยให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคมและประชาชน สนับสนุนแนวคิดและผลักดัน ให้เกิดการกำกับดูแลกันเองของภาคธุรกิจ และการมุ่งสู่การเปิดเสรีในบางมิติ และการผลักดันให้ภาครัฐมีมาตรการต่างๆ ในการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการทำประกันวินาศภัยในทุกระดับและทุกมิติ เพื่อช่วยในการบริหารความเสี่ยงและแบ่งเบาภาระของรัฐบาล

พันธกิจที่ 3 พัฒนาศักยภาพบุคลากรในธุรกิจประกันภัย ให้เป็นมืออาชีพที่ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล โดยมีกรอบและทิศทางการดำเนินการ ประกอบด้วย การพัฒนาศักยภาพบุคลากรในธุรกิจประกันภัยให้เป็นมืออาชีพ ที่ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล ส่งเสริมให้บุคลากรให้เข้าสู่ระบบธุรกิจประกันวินาศภัย และพัฒนาบุคลากรเพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศ และการเป็นองค์กรที่ทันสมัย Modernization of TGIA เปลี่ยนให้สมาคมฯ เป็น “Modern & Smart Organization” โดยการพัฒนาบุคลากรของสมาคมฯ ให้มีกระบวนการทำงานเชิงรุก ตอบโจทย์การทำงานได้ในทุกรูปแบบเพื่อร่วมกันขับเคลื่อน องค์กรไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พันธกิจที่ 4 เสริมสร้างระบบนิเวศประกันภัย ที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง และมีเสถียรภาพ โดยมีกรอบและทิศทางการดำเนินการ ประกอบด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือ และความสัมพันธ์อันดี กับหน่วยงานกำกับดูแลและหน่วยงานอื่นๆ การทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย กฎระเบียบและข้อบังคับ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันวินาศภัย (Regulatory Guillotine) สนับสนุนให้เกิดศูนย์กลางข้อมูล

และการใช้ข้อมูลด้านการประกันวินาศภัย ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคมและประชาชน สนับสนุนแนวคิดและผลักดัน ให้เกิดการกำกับดูแลกันเองของภาคธุรกิจ และการมุ่งสู่การเปิดเสรีในบางมิติ เพิ่มประสิทธิภาพ ด้วยการสร้างมาตรฐานการปฏิบัติงาน เพื่อเป็นแนวทางของธุรกิจประกันวินาศภัย ส่งเสริมการสร้าง Digital Insurance Ecosystem รวมถึงกระชับความร่วมมือ ระหว่างบริษัทสมาชิก และสนับสนุนให้ธุรกิจประกันวินาศภัยไทยขยายธุรกิจ บริการ และการลงทุนไปยังต่างประเทศ

ในปี 2566 นี้ คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ได้ร่วมกันกำหนดแผนปฏิบัติการเร่งรัด หรือ Quick Win ในการขับเคลื่อนตามกรอบ และทิศทางของแผนยุทธศาสตร์สมาคมฯ ให้เห็นผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมภายในปีนี้ ได้แก่

1.การควบรวมสำนักงานอัตราเบี้ยประกันวินาศภัย (Insurance Premium Rating Bureau: IPRB) และ บริษัท ไทยอินชัวเรอส์ดาต้าเนท จำกัด (Thai Insurers Datanet Co., Ltd.: TID) เข้าด้วยกัน โดยการรวม 2 หน่วยงานดังกล่าวให้เป็นหน่วยงานเดียว จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันก็จะมีการขับเคลื่อน ให้หน่วยงานใหม่ที่จัดตั้งขึ้นนี้ได้นำฐานข้อมูลกลางประกันภัย (Insurance Bureau System: IBS) มาใช้ประโยชน์ในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ภาพรวมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจประกันวินาศภัย ให้มากยิ่งขึ้น เช่น การวิเคราะห์ต้นทุนความเสียหาย ของการประกันภัยประเภทต่างๆ การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตรวจสอบการฉ้อฉลประกันภัย เป็นต้น

2.การสนับสนุนแนวคิดและผลักดัน ให้เกิดการกำกับดูแลกันเอง ของภาคธุรกิจประกันวินาศภัย และการเปิดเสรีธุรกิจประกันวินาศภัยในบางมิติ เช่น การเปิดเสรีด้านค่าคอมมิชชันของตัวแทน/นายหน้าประกันวินาศภัย และอัตราเบี้ยประกันภัย โดยในเรื่องนี้สมาคมฯ จะขอความสนับสนุนและความเห็นชอบ จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับ และส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในการให้บริษัทประกันภัยแต่ละบริษัท สามารถกำหนดค่าคอมมิชชันเองได้ แต่ต้องเปิดเผยรายละเอียด ของการจ่ายค่าคอมมิชชันนี้ ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน

และต้องอธิบายให้สำนักงาน คปภ.ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแล ธุรกิจประกันภัยเห็นด้วยว่า บริษัทสามารถประกอบธุรกิจอยู่รอดได้ ภายใต้การจ่ายค่าคอมมิชชันดังกล่าว นอกจากนี้ในส่วนของการออกกรมธรรม์ใหม่ๆ สมาคมฯ ก็จะขอความสนับสนุนและความเห็นชอบ จากสำนักงาน คปภ.ให้บริษัทประกันภัยสามารถออกกรมธรรม์ได้ โดยไม่ต้องใช้ระยะเวลานานเกินไป ภายใต้เกณฑ์ที่สำนักงาน คปภ.กำหนดรายละเอียดไว้ในการออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่างๆด้วย

3.การสนับสนุนและร่วมมือในการทบทวน ความเหมาะสมของกฎหมายและกฎระเบียบ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันวินาศภัย (Regulatory Guillotine) กับสำนักงาน คปภ.โดยในเรื่องนี้คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ได้มอบหมายให้คณะกรรมการกฎหมาย และกฎระเบียบไปศึกษาและดำเนินการว่า มีกฎหมายและกฎระเบียบ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันวินาศภัยใดบ้าง ที่น่าจะนำมาทบทวน ปรับปรุงแก้ไข หรือยกเลิก ตามความเหมาะสมและสอดคล้อง กับสภาพแวดล้อมในการประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยในปัจจุบัน เนื่องจากสภาพแวดล้อมในการประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยในปัจจุบันนั้น แตกต่างจากบริบท ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องของเทคโนโลยี ซึ่งเข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค และก่อให้เกิดโมเดลธุรกิจใหม่ๆ กฎหมายที่มีอยู่จึงอาจล้าสมัย และไม่ตอบโจทย์การประกอบธุรกิจในยุคดิจิทัล

4.การควบคุมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ของการประกันภัยสุขภาพที่เพิ่มสูงขึ้น และศึกษามาตรการเพิ่มเติมในการลดหย่อนภาษี รวมถึงหาแนวทางในการจัดตั้ง คณะแพทย์ที่ปรึกษาให้กับธุรกิจประกันวินาศภัยไทย โดยในเรื่องนี้คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ได้มอบหมายให้คณะกรรมการประกันภัยอุบัติเหตุ และสุขภาพไปดำเนินการศึกษา หามาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลของการประกันภัยสุขภาพ ที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบันตามแนวโน้ม ในการรักษาทางการแพทย์ และปัจจัยประกอบอื่นๆ ทั้งในเรื่องของสังคมผู้สูงอายุ และอุบัติภัยทางสุขภาพ เป็นต้น เพื่อไม่ให้ค่าเบี้ยประกันภัยสุขภาพสูงเกินไป จนผู้เอาประกันภัยต้องแบกรับภาระเพิ่ม รวมถึงมาตรการในการส่งเสริม การเพิ่มสิทธิพิเศษในการลดหย่อนภาษี จากการทำประกันภัยสุขภาพในส่วนอื่นๆ นอกเหนือจากที่กรมสรรพากรประกาศไว้ ซึ่งในเรื่องนี้จะได้มีการศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและปรึกษาหารือ รวมทั้งขอความเห็นชอบจากกรมสรรพากรต่อไป

5.การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ ประกันวินาศภัยในเชิงรุก โดยในเรื่องนี้สมาคมฯ จะเข้ามามีบทบาทในการจัดการข้อร้องเรียนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันวินาศภัย ของประชาชนมากขึ้น รวมทั้งจะมีการสื่อสารประชาสัมพันธ์ เพื่อให้เกิดการรับรู้และตระหนัก ถึงการบริหารความเสี่ยงให้กับประชาชน รวมทั้งจัดการกับภาวะวิกฤติ (Crisis Management) ให้ทันท่วงทีหากเกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ ของธุรกิจประกันวินาศภัย

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat