หาดทิพย์ โชว์ขายโตสูงสุดในรอบ 5 ปี กำไรสุทธิ 38.8% ตั้งเป้าปีนี้โตขึ้น 6-8% พร้อมลงทุนเพิ่ม 800 ล้าน
บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ HTC ผู้รับลิขสิทธิ์การผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในเครือโคคา-โคล่าในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จากเดอะ โคคา-โคล่า คัมปะนี (ประเทศสหรัฐอเมริกา) แถลงผลการดำเนินงานปี 2566 มียอดขายรวม 7,806 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 5 ปี เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 13.6 ส่งผลให้มีกำไรสุทธิรวม 598 ล้านบาท เติบโตจากปี 2565 ร้อยละ 38.8 มั่นใจธุรกิจเติบโตต่อเนื่องปี 2567 ในอัตราร้อยละ 6-8 พร้อมลงทุนเพิ่ม 800 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจประเภทขวดแก้ว มุ่งสู่เป้าหมายยอดขาย 15,000 ล้านบาทในปี 2575
บริษัทฯ ประเมินว่ายอดขายที่เติบโตขึ้นมาจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะเขตพื้นที่ภาคใต้ที่ฟื้นตัวเร็วกว่าภาคอื่นของประเทศ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังปรับราคาขายในบางขนาดในช่วงสิงหาคม 2565 และเมษายน 2566 ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มีราคาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยที่ร้อยละ 6 และร้อยละ 1.5 ตามลำดับ
พล.ต.พัชร รัตตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ปีที่ผ่านมา จากข้อมูลของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา พบว่าประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากถึง 28 ล้านคน เติบโตจากปี 2565 ถึงร้อยละ 154 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเขตพื้นที่ภาคใต้สูงกว่าภูมิภาคอื่น ๆ บริษัทฯ จึงใช้กลยุทธ์สร้างการเติบโตของรายได้ ผ่านการกำหนดขนาด รูปแบบผลิตภัณฑ์ และช่องทางการจำหน่ายที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ปรับราคาขายขึ้นเล็กน้อย พร้อมเร่งเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตควบคู่ ส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโตสูงถึงร้อยละ 38.8
พล.ต.พัชร มั่นใจว่าในปีนี้หาดทิพย์จะมียอดขายเติบโตขึ้นในอัตราร้อยละ 6-8 เนื่องจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในเขตพื้นที่ภาคใต้ยังคงมีแนวโน้มที่สดใส และจากแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มไม่มีน้ำตาลที่ในปี 2566 มียอดขายเติบโตถึงร้อยละ 31 และสามารถเติบโตขึ้นได้อีก เนื่องจากผลิตภัณฑ์ไม่มีน้ำตาลยังคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 3 ของยอดขายทั้งหมดเท่านั้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังลงทุนรวมอีกประมาณ 800 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสายการผลิตของผลิตภัณฑ์ในบรรจุภัณฑ์ชนิดขวดแก้ว ที่โรงงานพุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี คาดว่าจะเปิดสายการผลิตได้ก่อนไตรมาส 4 ปีนี้
“เรามองว่าผลิตภัณฑ์ในบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วชนิดคืนขวดยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะในช่องทางโรงแรม ร้านอาหาร และภัตตาคาร ซึ่งมีความเหมาะสมกับบรรจุภัณฑ์ชนิดนี้ เนื่องจากผู้บริโภคดื่มเครื่องดื่มของเราภายในร้าน (on-premise consumption) และเป็นบรรจุภัณฑ์ที่เรามีความสามารถในการแข่งขันสูงกว่าคู่แข่ง นอกจากนี้ การมีธุรกิจขวดแก้วที่แข็งแกร่งจะทำให้เราสามารถบริหารต้นทุนบรรจุภัณฑ์ได้ดียิ่งขึ้นในระยะยาว อีกทั้งยังเป็นการช่วยลดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญสำหรับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของเราอีกด้วย” พล.ต.พัชร กล่าว
พล.ต.พัชร กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นยืนหยัดเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ โดยตั้งเป้าหมายมียอดขายรวมไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท และมีมูลค่าส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮล์อย่างน้อยร้อยละ 35 ภายในปี 2575