HUMANITY

พม.ขานรับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ความเห็นทั่วไปข้อ 26 ด้านสิทธิเด็กและสิ่งแวดล้อม

กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับ เครือข่ายสิทธิเด็กประเทศไทย จัดงาน “Child Safe & Friendly Environment ยุติความรุนแรงต่อเด็ก-ด้านสิ่งแวดล้อมความปลอดภัย” เพื่อขับเคลื่อนและรณรงค์ให้ทุกคน เกิดความตระหนักรู้ เห็นความสำคัญ เพื่อนำไปสู่การมีส่วนร่วม ในการเปลี่ยนแปลงวิกฤตสิทธิเด็ก อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และส่วนหนึ่งเพื่อเฉลิมฉลอง อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ความเห็นทั่วไปข้อ 26 (GC26) ว่าด้วยสิทธิเด็กและสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในระดับประเทศ ทั้งนี้งานที่จัดขึ้นเป็นส่วนหนึ่ง ของการดำเนินงาน โครงการยุติความรุนแรงต่อเด็ก ของมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย

สำหรับกิจกรรมภายในงาน ได้รับความร่วมมือจาก ยูนิเซฟ ประเทศไทย, มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย และสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยเครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคม ได้แก่ องค์กรแตร์ เด ซอม เยอรมันนี (Terre des Hommes Germany) มูลนิธิช่วยเหลือเด็ก ประเทศไทย, มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก, มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์, มูลนิธิสายเด็ก1387, มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย,องค์การแพลน อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย, มูลนิธิรักษ์เด็ก, เครือข่ายสิทธิเด็กล้านนา และการสนับสนุนจากภาคธุรกิจต่างๆ

นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นเรื่องที่ต้องตระหนัก และร่วมกันแก้ไขปัญหา โดยกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ได้ร่วมขับเคลื่อนกับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ได้กำหนดประเด็น Climate Change เป็นนโยบายขับเคลื่อนงานของกระทรวง ซึ่งมุ่งเน้นการปรับตัวรองรับ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มเปราะบางกลุ่มต่างๆ ทั้งเด็ก เยาวชน สตรี ผู้พิการ และผู้สูงอายุ”

“ทั้งนี้ได้มีการจัดทำแผนการปฏิบัติการ ในการเตรียมความพร้อม และการปรับตัวของประชากรกลุ่มเปราะบาง สำหรับเด็กและเยาวชน ได้ขับเคลื่อนการดำเนินงาน ผ่านกลไกสภาเด็กและเยาวชนในทุกระดับ เพื่อสร้างบทบาทในการร่วมขับเคลื่อน สะท้อน สื่อสาร ให้ทุกกลุ่มเป้าหมายในสังคมได้ตระหนัก และพร้อมการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ”

นางสาววาสนา เก้านพรัตน์ ประธานเครือข่ายสิทธิเด็กประเทศไทย กล่าวว่า “ผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สิ่งแวดล้อม ภัยพิบัติ เหล่านี้ส่งผลทำให้คนที่อยู่แวดล้อมเด็ก ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ ครู ชุมชน ไม่สามารถทำหน้าที่ ในบทบาทของพวกเขา เพื่อการดูแลและปกป้องคุ้มครองเด็กได้ตามที่ควรจะเป็น นี่คือสิ่งที่เรากำลังบอกกับทุกคนว่า วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คือวิกฤตสิทธิเด็ก”

ดร.บุญชัย หงส์จารุ ประธานอำนวยการ มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “48.6% ของเด็กไทยยังคงต้องเผชิญกับความสัมพันธ์ ในลักษณะที่ใช้ความรุนแรงในครอบครัว และมีแนวโน้มที่จะรุนแรงมากขึ้นจากความท้าทายต่างๆ ที่เกิดจากวิกฤตสิ่งแวดล้อม ตอนนี้ทั่วโลกมีเด็กกว่า 1.7 ล้านคนเสียชีวิตในทุกๆ ปี เนื่องจากได้รับผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย”

ทั้งนี้ จากรายงานสรุปวิกฤติสภาพภูมิอากาศ คือ วิกฤติสิทธิเด็ก โดย องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาติ (ยูนิเซฟ) ระบุว่า ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 9 ของประเทศที่กำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จากสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง และเด็กไทยอยู่ในอันดับที่ 50 จาก 163 ประเทศทั่วโลก ตามดัชนีความเสี่ยงต่อสภาพภูมิอากาศของเด็ก ตัวเลขนี้บ่งบอกถึงการเริ่มตระหนัก เกี่ยวกับปัจจัยสำคัญ ที่ส่งผลถึงความรุนแรงต่อเด็ก ซึ่งก็คือวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม

ด้าน นายศักดิ์นฤน ขามธาตุ อดีตเด็กในความอุปการะ มูลนิธิศุภนิมิตฯ ในฐานะตัวแทนเยาวชน กล่าวว่า “เด็กมีสิทธิในการเข้าถึงสภาพแวดล้อมที่สะอาด ถูกสุขอนามัย และยั่งยืน รัฐต้องรับผิดชอบ ไม่เพียงแต่การปกป้องสิทธิเด็ก จากอันตรายที่เกิดขึ้นในทันที แต่ยังรวมถึงการละเมิดสิทธิเด็กที่มีความเสี่ยงต่อเด็ก และเยาวชนในอนาคตด้วย ซึ่งอาจเกิดจากการกระทำ หรือการละเลยของทุกภาคส่วน ผมขอให้ทุกคนได้ผลักดันสิทธิเด็ก และปัญหาสิ่งแวดล้อม ให้เป็นภาระสำคัญเร่งด่วนที่สุด รวมถึงการให้เด็กและเยาชน มีบทบาทในการสร้างความเปลี่ยนแปลง และการเสนอแนะในเชิงนโบบาย เพื่อให้เด็กทุกๆ คนได้เติบโตในโลกที่สวยงาม”

ขณะที่ในระดับสากล คณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ (The United Nations Committee on the Rights of the Child) โดยการมีส่วนร่วมจากเด็กและเยาวชน จากทั่วโลกกว่า 16,331 คน จาก 121 ประเทศทั่วโลก ได้ร่วมกันจัดทำ ‘เอกสารความคิดเห็นทั่วไป ข้อ 26 (General Comment No. 26 – GC26)’ อธิบายว่า ‘สิทธิเด็กมีความเชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ’ และได้มีการเปิดตัวเฉลิมฉลองในระดับโลก ไปแล้วเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

ด้าน นางคยอนซอน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรภาคีหลักของงานนี้ กล่าวว่า “ความคิดเห็นทั่วไปฉบับที่ 26 ว่าด้วยสิทธิเด็กและสิ่งแวดล้อมนี้ มีความสำคัญมาก เพราะชี้ให้เห็นว่าความเสื่อมโทรม ของสิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้นกระทบต่อสิทธิของเด็กอย่างไร และรัฐบาลและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ควรต้องทำอย่างไรในการปกป้องสิทธิของเด็ก เพื่อให้พวกเขาเติบโตขึ้น ในโลกที่ปลอดภัยและมีสภาพแวดล้อม ที่เหมาะสม ทั้งนี้ การออกแบบนโยบายแ ละการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมนั้น จะต้องไม่ลืมเด็กและต้องคำนึงถึงหลักการเรื่องสิทธิเด็กเป็นสำคัญ”

นางสาวอิสราภรณ์ ดาวราม กรรมการขับเคลื่อน เครือข่ายสิทธิเด็กประเทศไทย กล่าวว่า “เด็กไม่ได้บอกให้เราดูแลเท่านั้น แต่เด็กบอกว่าเราที่เป็นผู้ใหญ่ ต้องเพิ่มการปกป้องคุ้มครองเด็กๆ และส่งเสริมความยุติธรรมในสังคมให้กับเด็กๆ มากขึ้นด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มนักกิจกรรมเด็ก และสิ่งแวดล้อม”

Related Posts

Send this to a friend