นายวรสิทธิ์ กล่าวเสริมว่า ในฐานะที่ มั่นคงฯ เป็นบริษัทพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ และเป็นผู้พัฒนาพื้นที่โครงการ รักษ (รัก-ษะ) นอกจากการพัฒนาโครงการดังกล่าวเพื่อเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจตามแผนแม่บทแห่งชาติแล้ว ในขณะเดียวกันเราให้ความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชมในพื้นที่ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีควบคู่ไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปมีส่วนร่วมกับทางชุมชนในการส่งเสริมให้คนในชุมชนมีความรู้ความเข้าใจด้านการดูแลสุขภาพ ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ การเข้าไปช่วยพัฒนาเพิ่มพื้นที่สีเขียว การรักษาสิ่งแวดล้อม การพัฒนาถ่ายทอดองค์ความรู้แก่คนในพื้นที่ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับคนในชุมชน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างให้เกิดความเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainability)
“โครงการ รักษ (รัก-ษะ) จะเปิดให้บริการในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2563 ตามแผนธุรกิจ 5 ปีของบริษัทฯ ที่ได้ตั้งไว้ โดยมั่นใจว่าโครงการนี้จะช่วยดันกำไรของธุรกิจ Recurring Income เป็น 50:50 ได้ใน 2564 อย่างแน่นอน สำหรับก้าวต่อไปของบริษัทฯ ตามแผนธุรกิจอีก 5 ปีในเฟส 2 จะเดินหน้าพัฒนาและผลักดันธุรกิจที่ได้สร้างขึ้นไว้ให้เต็มประสิทธิภาพ ในทุกมิติของการดำเนินงาน เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายวรสิทธิ์กล่าวทิ้งท้าย