HEALTH

คกก.นโยบายเชื้อดื้อยาฯ ตั้งเป้า ลดจำนวนผู้ป่วยจากเชื้อดื้อยาลง 10%

คกก.นโยบายเชื้อดื้อยาฯ เห็นชอบร่างแผน 5 ปี ตั้งเป้า ลดจำนวนผู้ป่วยจากเชื้อดื้อยาลง 10% มีระบบตรวจสอบการปนเปื้อนในอาหารและสิ่งแวดล้อม

วันนี้ (21 พ.ย. 65) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติครั้งที่ 1/2565 โดยได้กล่าวถึงการประเมินการปฏิบัติตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR-JEE) ขององค์การอนามัยโลก เมื่อวันที่ 31 ต.ค. – 4 พ.ย. 65 ว่า ระบบการจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพของประเทศไทย มีสมรรถนะที่พัฒนาขึ้นอย่างมาก มีคะแนนเฉลี่ยเพิ่มจาก 3.0 เป็น 4.2 จากคะแนนเต็ม 5 ถือว่าบรรลุเป้าประสงค์ที่ 5 ของแผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย พ.ศ.2560-2565

นอกจากนี้ แผนดังกล่าวประสบความสำเร็จในการลดปริมาณการบริโภคยาต้านจุลชีพที่ใช้ในมนุษย์ โดยเฉพาะยาต้านแบคทีเรีย โดยลดลงถึงร้อยละ 24 ขณะที่การบริโภคยาต้านจุลชีพในสัตว์ ลงถึงร้อยละ 36 ถือว่าบรรลุเป้าประสงค์ที่ 2 และ 3 ที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 20 และ 30 ตามลำดับ แต่สถานการณ์เชื้อดื้อยา พบว่าส่วนใหญ่ยังไม่ลดลง

เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของการแก้ปัญหาเชื้อดื้อยา ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติฉบับที่ 2 พ.ศ 2566-2570 โดยยังคง 6 ยุทธศาสตร์สำคัญ คือ 1. เฝ้าระวังการดื้อยาต้านจุลชีพภายใต้แนวคิดสุขภาพหนึ่งเดียว เพื่อให้ประเทศไทยมีระบบเฝ้าระวังและแจ้งเตือนเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพแบบบูรณาการ 2.ควบคุมการกระจายยาต้านจุลชีพ เพื่อให้ประเทศไทยมีระบบกำกับและติดตามยาต้านจุลชีพสำหรับมนุษย์และสัตว์ 3. ป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในสถานพยาบาลและควบคุมกำกับดูแลการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสมในมนุษย์ 4. ป้องกันและควบคุมเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพและควบคุมกำกับดูแลการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสมในภาคการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ 5. ส่งเสริมความรอบรู้ด้านเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพและความตระหนักการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสมแก่ประชาชน และ 6. บริหารและพัฒนากลไกระดับนโยบายเพื่อขับเคลื่อนงานด้านการดื้อยาต้านจุลชีพอย่างยั่งยืน

นายอนุทินยังกล่าวว่า ทั้ง 6 ยุทธศาสตร์นี้ มีเป้าหมายเพื่อให้สามารถลดอัตราการป่วยจากเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพในมนุษย์ลง 10% , ลดความเสี่ยงการดื้อยาต้านจุลชีพในอาหารและสิ่งแวดล้อม โดยมีระบบตรวจสอบการปนเปื้อนของเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพและการตกค้างในอาหารและในสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานสากล , ลดการบริโภคยาต้านจุลชีพสำหรับมนุษย์ลง 30% สำหรับสัตว์ 50% เมื่อเทียบกับปี 2560 , ประชาชนไม่น้อยกว่า 30% มีความรอบรู้ด้านเชื้อดื้อยาและการใช้ยาต้านจุลชีพ และระบบการจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพของประเทศไทยมีสมรรถนะตามเกณฑ์สากลไม่ต่ำกว่าระดับ 4

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบถึงการที่ประเทศไทยจะเข้าร่วมการประชุม Global High-Level Ministerial Conference on Antimicrobial Resistance (AMR) ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 24-25 พ.ย. นี้ ณ กรุงมัสกัต รัฐสุลต่านโอมาน ซึ่งข้อสรุปจากการประชุมนี้จะถูกนำไปหารือต่อในเวทีการประชุมระดับสูง เรื่องการดื้อยาต้านจุลชีพระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ในปี 2567

Related Posts

Send this to a friend