HEALTH

กรมอนามัย แนะ กินข้าวเหนียวมะม่วงแต่พอดี เพื่อคุณค่าทางโภชนาการ

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงเมนูยอดนิยมในช่วงนี้ อย่าง “ข้าวเหนียวมะม่วง” ว่า มะม่วงสุกกินแล้วคลายความร้อน ช่วยให้ร่างกายสดชื่น เนื้อมะม่วงสุกมีวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ได้แก่ วิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน ช่วยบำรุงสายตา , ใยอาหาร ช่วยในการขับถ่าย , วิตามินซี ช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน , สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวพรรณ ส่วนกะทิ มีวิตามินเอและอีจากมะม่วง

แต่ไม่ควรกินข้าวเหนียวมะม่วงมากเกินไป เพราะอาจทำให้ร่างกายได้รับพลังงานเกินจำเป็น กระตุ้นอาการร้อนใน เจ็บคอ จึงขอแนะนำการกินข้าวเหนียวมะม่วงให้อร่อย ไม่เสียสุขภาพ ต้องกินในปริมาณที่ไม่มากและบ่อยเกินไป ร่วมกับการหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อช่วยเผาผลาญพลังงานในแต่ละวัน

ดร.แพทย์หญิงสายพิณ โชติวิเชียร ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ กล่าวว่า ข้าวเหนียวมะม่วงเป็นอาหารว่างที่ให้พลังงานที่ค่อนข้างสูง แต่ก็สามารถกินได้โดยปฏิบัติตามข้อแนะนำ ดังนี้

1) ผู้ที่มีสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัว สามารถกินข้าวเหนียวมะม่วงเป็นอาหารว่างได้ ประมาณ 150-200 กิโลแคลอรีต่อวัน โดยแบ่งเป็นมื้อเล็กๆ โดยข้าวเหนียวมูล 50 กรัม หรือ 1 ทัพพี ให้พลังาน 140 กิโลแคลอรี ส่วนมะม่วงสุกครึ่งผล ให้พลังงาน 60 กิโลแคลอรี เมื่อรวมกันแล้ว จะเท่ากับ 200 กิโลแคลอรี ใกล้เคียงกับพลังงานของอาหารว่างต่อวัน ทั้งนี้ เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานสมดุลต่อวัน มื้อไหนกินข้าวเหนียวมะม่วงแล้ว ควรงดของหวานอื่น ออกกำลังกายเพื่อช่วยเผาผลาญ

2) ควรกินข้าวเหนียวมะม่วงช่วงเวลากลางวัน เพราะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายต้องใช้พลังงานทำกิจกรรมต่างๆ

3) ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง ต้องระมัดระวัง เพราะข้าวเหนียวมะม่วงเป็นอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันค่อนข้างสูง เช่นเดียวกับผู้ป่วยโรคไต ที่ควรหลีกเลี่ยงกินมะม่วงสุก เพราะมีปริมาณโพแทสเซียมสูง

Related Posts

Send this to a friend