HEALTH

รู้จัก ‘ฝุ่นพิษ PM 2.5’ เพชฌฆาตร้าย ทําลายสุขภาพ

สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM2.5 ในช่วง ต้นปี 2566 ที่ผ่านมา ขณะนี้ กำลังเข้าขั้นวิกฤตหลายพื้นที่ เกือบทั่วประเทศไทย ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล จ.เชียงใหม่ จ.ลำพูน และ จ.นครพนม ที่ประสบปัญหาฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน 50 มคก./ลบ.ม. ทัศนวิสัยแย่ลง หายใจไม่สะดวก ส่งผลให้ประชาชน สร้างความกังวล เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครอบครัวที่มีเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วย ซึ่งนับเป็น ปัญหามลพิษทางอากาศ ที่ใหญ่มาก

นายแพทย์ ตนุพล วิรุฬหการุญ หรือ คุณหมอแอมป์ นายกสมาคมแพทย์ฟื้นฟูสุขภาพ กรุงเทพ (BARSO) กล่าวว่า มีความกังวลถึงผลกระทบต่อสุขภาพ เพราะปัญหามลภาวะเหล่านี้ มิได้ส่งผลแค่ระบบทางเดินหายใจเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียต่อทั่วทุกระบบของร่างกายมากกว่าที่คิด

สำหรับ “ ฝุ่น PM ” ฝุ่นละอองขนาดเล็ก ประกอบไปด้วยส่วนผสมของแข็งและของเหลว แขวนลอยอยู่ในอากาศ ที่สามารถพบสารก่อภูมิแพ้และเชื้อโรคต่าง ๆ ในอนุภาคขนาดจิ๋วนี้ได้ด้วย โดยเฉพาะ “ PM2.5 ”ฝุ่นพิษนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่มีอยู่ในชีวิตประจำวันมานานแล้ว โดยทั่วไปจะมีมากในช่วงเปลี่ยนถ่ายของฤดูกาล ประกอบการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิทำให้ฝุ่นกระจุกตัว อากาศถ่ายเทไม่ดี มีการสะสมของฝุ่น หมอกและควันในบรรยากาศ จนเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าว อย่างที่เราเห็นนั่นเอง นอกจากเหตุผลด้านสภาพภูมิอากาศ กิจกรรมของมนุษย์ทั้งกลางแจ้ง และในร่มก็ส่งเสริมให้เกิดฝุ่น PM 2.5 ได้ เช่นกัน นายแพทย์ ตนุพล ระบุ

ดังนั้น ฝุ่น PM2.5 ส่งผลเสียต่อร่างกาย โดยสามารถกระตุ้นการสร้าง “สารอนุมูลอิสระ หรือ Free radicals” จนเกิดภาวะ oxidative stress นำมาซึ่งการทำลาย DNA , ยับยั้งการซ่อมแซม DNA ชักนำให้เกิดความผิดปกติแก่ทารกในครรภ์ การกลายพันธุ์ และผลเสียอื่นได้ แม้ว่าในปัจจุบันจะมีมาตรการและนโยบายต่าง ๆ จากหน่วยงานภาครัฐ แต่ทั้งนี้ประชาชนทั่วไปควรมีการรับมือ และป้องกันไม่ให้มลภาวะเข้าสู่ร่างกายของเราด้วย

นายแพทย์ ตนุพล จึงแนะว่า วิธีป้องกันการดูแลตัวเอง ในเบื้องต้นปฏิบัติ ดังนี้

1.หลีกเลี่ยงหรือลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน เพื่อลดโอกาสการสัมผัสฝุ่นจากด้านนอก หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตัวเอง อย่างหน้ากาก N95 หากมีความจำเป็นต้องไปในพื้นที่ที่มีฝุ่นจำนวนมาก

2.รณรงค์การเลือกใช้ยานพาหนะ และการขนส่งสาธารณะแบบระบบไฟฟ้า แทนการใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ (Fossil fuels) เช่น ถ่านหิน หินน้ำมัน และปิโตรเลียม

3.หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมในครัวเรือนที่ส่งเสริมให้เพิ่มจำนวนฝุ่น เช่น การสูบบุหรี่ การจุดธูปเทียน ลดการปรุงประกอบอาหารประเภทปิ้ง ย่าง โดยเลือกเป็นการต้ม และนึ่งทดแทน

4.จัดระเบียบที่พักอาศัย เช่น การติดตั้งเครื่องกรองอากาศ การหมั่นทำความสะอาดและพยายามให้มีการระบายอากาศที่ดีเสมอ

5.หมั่นสังเกตอาการตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ หากมีอาการใด ๆ เช่น ไอ หายใจลำบาก ตาแดง แน่นหน้าอก ปวดศีษะ คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ฯลฯ ควรรีบปรึกษาแพทย์

6.ดูแลเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ได้แก่ การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วย วิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี อย่างผักและผลไม้ ซึ่งมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระและช่วยบำรุงตับ งดการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดื่มน้ำสะอาด 8 – 10 แก้วต่อวัน นอนหลับเพียงพอ 8 – 9 ชั่วโมง/วัน ลดความเครียด ทำอารมณ์ให้ผ่องใส ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

Related Posts

Send this to a friend