กรมการแพทย์ เตือน ผู้ป่วยเบาหวาน-ความดันโลหิตสูง เสี่ยง ‘โรคไตเรื้อรัง’
กรมการแพทย์ เตือน ผู้ป่วยเบาหวาน-ความดันโลหิตสูง เสี่ยง ‘โรคไตเรื้อรัง’ แนะ ออกกำลังกาย ควบคุมระดับน้ำตาล-ไขมันในเลือด ตรวจคัดกรองเป็นประจำทุกปี
วันนี้ (10 มิ.ย. 68) นพ.สกานต์ บุนนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคเบาหวานถือเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของโรคไตเรื้อรังในไทย ผู้ป่วยจำนวนมากมักไม่รู้ตัวว่าไตเริ่มเสื่อมจนกระทั่งอาการลุกลาม การตรวจสุขภาพประจำปีและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดจึงเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันโรคไตเรื้อรังจากเบาหวาน ผู้ป่วยควรตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันและดูแลสุขภาพไต เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนในอนาคต หากตรวจพบแต่เนิ่น ๆ ก็สามารถชะลอการเสื่อมของไตได้
นพ.จินดา โรจนเมธินทร์ ผอ.รพ.ราชวิถี กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงของโรคไตเรื้อรังจากเบาหวาน ได้แก่ ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ระดับความดันโลหิตสูง ระดับไขมันในเลือดสูง และการสูบบุหรี่ ผู้ที่มีปัญหาเหล่านี้ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมากขึ้น สิ่งที่กระตุ้นให้ไตเสื่อมลงเร็วกว่าปกติ ได้แก่ การติดเชื้อ การอุดตันของทางเดินปัสสาวะ การขาดน้ำ
วิธีป้องกันผู้ป่วยโรคไตจากเบาหวาน ควรควบคุมระดับน้ำตาลสะสมในเลือด (HbA1C) น้อยกว่าร้อยละ 7 ควบคุมระดับความดันโลหิตน้อยกว่า 130/80 มม.ปรอท ถ้าไม่มีผลข้างเคียงควรใช้ยาลดความดันโลหิตในกลุ่มที่สามารถชะลอการเสื่อมของไต ได้แก่ ยา ACEI หรือ ARB ควบคุมระดับไขมันในเลือด ให้ระดับไขมัน LDL มีค่าน้อยกว่า 100 มก./ดล. งดสูบบุหรี่ เลี่ยงอาหารเค็ม เนื่องจากเกลือในอาหารจะเพิ่มระดับความดันโลหิต และทำให้ไตเสื่อมมากขึ้น ควรออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อทำให้ระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดปกติ ควรลดน้ำหนัก หลีกเลี่ยงยาที่มีผลเสียต่อไต เช่น ยาแก้ปวด ยาลูกกลอน ยาหม้อ
สำหรับโรงพยาบาลราชวิถี มีการคัดกรองหาโรคไตเรื้อรังจากโรคเบาหวาน ได้แก่ การตรวจปัสสาวะเพื่อหาการรั่วของโปรตีนในปัสสาวะ ตรวจเลือดเพื่อประเมินการทำงานของไต โดยเจาะครีเอตินินในเลือด และคำนวณการกรองของไต ผู้ป่วยที่ตรวจพบการรั่วของโปรตีนเล็กน้อยในปัสสาวะแพทย์จะตรวจซ้ำเพื่อยืนยัน ผู้ป่วยที่ตรวจไม่พบการรั่วของโปรตีนในปัสสาวะควรได้รับการตรวจปัสสาวะเป็นประจำทุกปี