ทำความเข้าใจ สิทธิบัตรทอง ‘ฟอกไต’ ได้กี่วิธี มีข้อดี-ข้อเสีย’อย่างไรบ้าง
สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย ร่วมกับ สมาคมพยาบาลโรคไตแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ ร่วมกับองค์กรวิชาชีพ เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2565 ที่ผ่านมา โดยร่วมสนับสนุนนโยบาย “เลือกฟอกโตแบบที่ใช่ ได้ทุกคน” ทั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยไตสิทธิบัตรทอง ตัดสินใจร่วมกับแพทย์เพื่อเลือกวิธีการฟอกไตที่เหมาะสม ได้ตั้งแต่วันที่วันที่ 1 ก.พ. 2565 พร้อมกันนี้ได้ให้ข้อมูลกับประชาชน ในการเปรียบเทียบ ข้อดี-ข้อเสีย ของการฟอกไตแต่ละวิธีไว้ดังนี้
1.การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (hemodialysis หรือ HD) เป็นการฟอกไตที่ต้องนำเลือดออกจากเส้นเลือดผ่านตัวกรอง (dialyzer) และเครื่องฟอกเลือด และผู้ป่วยต้องได้รับการผ่าตัดทำเส้นเลือด สำหรับนำเลือดออกจากร่างกาย
ข้อดี
- ไม่ต้องทำเอง อาศัยพยาบาลไตเทียมที่ต้องผ่านการฝึกอบรม เฉพาะทางให้การรักษา
- ใช้เวลาฟอกเฉลี่ย 4 ชั่วโมง ต่อครั้ง / 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
ข้อเสีย
- ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล หรือคลินิกไตเทียมบ่อย
- มีค่าใช้จ่ายแฝง เช่น ค่าเดินทาง
- โรคประจำตัวรุนแรง เช่น โรคหัวใจบางชนิด และอาจจะเพิ่มความเสี่ยงภาจะแทรกซ้อนระหว่างการฟอกเลือด
2.การล้างไตทางช่องท้อง (peritoneal dialysis หรือ PD) เป็นการฟอกไตที่อาศัยผนังในช่องท้องเป็นตัวกรองในการเอาของเสียออกจากร่างกาย ผู้ป่วยต้องได้รับการผ่าตัดวางสายล้างไตที่ผนังหน้าท้องก่อน สามารถทำเองได้ที่บ้าน มี 2 แบบ คือทำเอง (CAPD) หรือใช้เครื่องล้างไตอัตโนมัติ (APD)
ข้อดี
- ทำเองได้ที่บ้าน ไม่ต้องเดินทางมาโรงพยาบาลบ่อย
- โอกาสติดเชื้อน้อยมากหากทำถูกต้องตามขั้นตอน
-ไม่เสี่ยงต่อความดันตกขณะฟอก
ข้อเสีย
-ต้องพกเอาน้ำยาติดตัวหากเดินทางไปต่างจังหวัด หรือพักค้างคืนที่อื่น
-อาจติดเชื้อหากทำผิดหรือข้ามขั้นตอน หรือมีการปนเปื้อน
ทั้งนี้ประชาชนสามารถสอบถามเพิ่มเติม การใช้สิทธิบัตรทอง สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ทั้งไลน์ สปสช. @nhso