HEALTH

กรมการแพทย์ กระตุ้นคนไทยเช็คการได้ยิน หลังพบคนวัย 60 ปี พิการทางการได้ยินติดอันดับ 2

วันนี้ (3 มี.ค. 66) นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ ออกมารณรงค์ เนื่องในวันการได้ยินโลก พร้อมกระตุ้นให้ประชาชนตระหนัก ถึงความสำคัญของการได้ยิน เนื่องจากมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของคนทุกช่วงวัย หากมีความเสี่ยงหรือสงสัย ว่าจะมีภาวะสูญเสียการได้ยินควรรีบพบแพทย์ หลังพบผู้พิการทางการได้ยินหรือสื่อความหมาย สูงเป็นลำดับที่ 2 จากจำนวน 401,318 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 18.64 ซึ่งรองจากความพิการทางการเคลื่อนไหว หรือทางร่างกาย โดยเฉพาะในคนอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีจำนวนมากที่สุด ถึงจำนวน 295,541 คน และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในทุกปี ที่สำคัญผู้ที่มีปัญหาการได้ยินสูงมากขึ้น และส่งผลกระทบในหลายๆด้าน เช่น การได้ยิน การสื่อสาร การแยกตัวออกจากสังคม ซึมเศร้า โรคหลงลืม และสมองเสื่อม ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้

นายแพทย์ณัฐพงศ์ กล่าวว่า “ปัญหาการสูญเสียการได้ยิน ถือเป็นปัญหาสำคัญด้านสาธารณสุขที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต ของประชาชนในทุกช่วงวัย จากรายงานข้อมูลสถานการณ์ด้านคนพิการในประเทศไทย โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565) พบว่า การออกบัตรประจำตัวคนพิการทางการได้ยินหรือสื่อความหมาย มีมากเป็นลำดับที่ 2 จำนวน 401,318 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 18.64 รองจากความพิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกาย ร้อยละ 50.81 โดยกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป มีจำนวนมากที่สุด จำนวน 295,541 คน และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในทุกปี ซึ่งสอดคล้องกับประเทศไทย ที่เข้าสู่ภาวะผู้สูงวัยทำให้อัตรา ผู้ที่มีปัญหาการได้ยินสูงมากขึ้น และส่งผลกระทบในหลายๆด้าน เช่น การได้ยิน การสื่อสาร การแยกตัวออกจากสังคม ซึมเศร้า โรคหลงลืม และสมองเสื่อม ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขจึงมีนโยบายในการดูแลประชาชน ให้มีสุขภาพดีถ้วนหน้า และสามารถเข้าถึงระบบสาธารณสุขได้ทุกระดับชั้น เนื่องจากปัญหาการได้ยินเป็นหนึ่ง ในปัญหาสุขภาพที่กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญ และต้องการให้ประชาชนมีการได้ยินที่ดี”

ายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวว่า “ผู้ที่มีปัญหาการสูญเสียการได้ยิน ในเบื้องต้นจะมีอาการหูอื้อ ไม่ได้ยินเสียง ได้ยินเสียงแต่จับใจความไม่ได้ ไม่สามารถพูดคุยในสถานที่มีเสียงรบกวน ต้องเปิดวิทยุหรือโทรทัศน์เสียงดังมากกว่าปกติ หรือฟังโทรศัพท์ไม่ได้ยิน ส่วนปัญหาการได้ยินในเด็ก คือ จะมีอาการพูดช้า ไม่พูดตามระยะของพัฒนาการ เรียกไม่หันตามเสียง ทำให้มีปัญหาการเรียนรู้ได้ ซึ่งหากมีอาการหรือพบผู้ที่มีอาการ ควรรีบมาพบแพทย์หู คอ จมูก เพื่อตรวจรักษาและวัดระดับการได้ยิน”

“สำหรับปัญหาการได้ยินสามารถเกิด ได้จากสาเหตุหลายประการ เช่น ความผิดปกติทางพันธุกรรม การอักเสบติดเชื้อของหู การติดเชื้อเยื่อหุ้มสมอง ศีรษะได้รับการกระทบกระแทกรุนแรง ประสาทหูเสื่อมเฉียบพลันโดยไม่ทราบสาเหตุ การสัมผัสเสียงดังเกินระดับปลอดภัย หรือการเสื่อมสภาพตามอายุ เป็นต้น ทั้งนี้กลุ่มศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านโสต ศอ นาสิก โรงพยาบาลราชวิถี ได้จัดให้มีการดูแลการได้ยินตั้งแต่ทารกแรกเกิด โดยทำการคัดกรองการได้ยินทารกแรกเกิด ในโรงพยาบาลราชวิถีทุกราย และให้การดูแลรักษาโรคหูต่างๆอย่างครบวงจร ตั้งแต่การวินิจฉัยไปจนถึงการรักษาฟื้นฟู อีกทั้ง มีบริการตรวจวัดการได้ยิน ด้วยเครื่องตรวจวัดระดับการได้ยิน ที่เป็นมาตรฐานโดยนักตรวจการได้ยิน และให้บริการใส่เครื่องช่วยฟังเมื่อมีข้อบ่งชี้”

ด้าน แพทย์หญิงสมจินต์ จินดาวิจักษณ์ หัวหน้ากลุ่มศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านโสต ศอ นาสิก โรงพยาบาลราชวิถี กล่าวว่า “ตามที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดให้วันที่ 3 มีนาคมของทุกปีเป็น “วันการได้ยินโลก” (World Hearing Day 2023)” เพื่อรณรงค์กระตุ้นเตือนให้ประชาชนทั่วโลกหันมาตระหนักถึงความสำคัญ ของการตรวจการได้ยินของตนเอง เพื่อป้องกันการสูญเสียการได้ยินในทุกช่วงวัยของชีวิต โรงพยาบาลราชวิถี จึงได้จัดให้มีกิจกรรมเสวนา โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในหัวข้อ “เรื่องของหู ไม่ต้องรอให้มีปัญหาก็ดูแลได้” เพื่อให้ความรู้ประชาชนในหัวข้อต่างๆ ณ ห้องตรวจหู คอ จมูก ชั้น 10 อาคารทศมินทราธิราช ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกได้จัดทำแอพพลิเคชั่น ชื่อ “hearWHO” เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจระดับการได้ยินด้วยตนเอง และสำหรับประเทศไทยมีแอพพลิเคชั่น ที่เป็นภาษาไทยเช่นกัน ชื่อว่า “Eartone หรือ ตรวจการได้ยิน” จึงอยากเชิญชวนประชาชน ตรวจประสิทธิภาพของการได้ยินด้วยตนเอง โดยสามารถดาวน์โหลดบนโทรศัพท์มือถือทั้งระบบ ios และ Android โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หากพบอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป”

Related Posts

Send this to a friend