‘อิเกีย ประเทศไทย’ ประกาศขับเคลื่อนความยั่งยืน สร้างความเป็นอยู่ที่ดี-ส่งเสริมหมุนเวียน-ดูแลชุมชน

วันนี้ (9 พ.ค. 68) อิเกีย ประเทศไทย ประกาศความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนความยั่งยืนผ่าน 3 หลักการดำเนินงานสำคัญ ได้แก่ สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ยั่งยืน หรือ Healthy & Sustainable Living, การหมุนเวียนทรัพยากรและใส่ใจสิ่งแวดล้อม หรือ Climate, Nature & Circularity และความเท่าเทียม หรือ Fair & Caring โดยมีเป้าหมายให้สินค้าและบริการที่ยั่งยืนเป็นทางเลือกที่ทุกคนเข้าถึงได้ พัฒนาธุรกิจให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจหมุนเวียน และสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียมแก่พนักงานและชุมชน
คณิศร์ อุนจะนำ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ อิเกีย ประเทศไทย กล่าวว่า อิเกียมุ่งมั่นสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลก ตั้งแต่ชุมชนที่เป็นแหล่งวัตถุดิบ ไปจนถึงการสร้างสรรค์สินค้าและบริการที่ช่วยให้คนไทยใช้ชีวิตได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น โดยเน้นให้ความยั่งยืนเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย ผ่านสินค้าที่คุ้มค่าด้านการใช้พลังงาน น้ำ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน พร้อมยกระดับมาตรฐานการพัฒนาสถานที่ดำเนินงานอย่างยั่งยืน รวมถึงใส่ใจความเท่าเทียม สนับสนุนความหลากหลาย และสร้างโอกาสให้ทุกคนอย่างทั่วถึง ตลอดจนส่งเสริมพันธมิตรและการยกระดับชุมชนให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ในประเทศไทย อิเกียดำเนินงานด้านความยั่งยืนผ่าน 3 หัวข้อหลัก คือ สินค้า หรือ Product, การดำเนินงานและสถานที่ หรือ Place และผู้คน หรือ People โดยมุ่งพัฒนาสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในราคาที่เข้าถึงได้ ควบคู่กับการดำเนินงานและสถานที่ที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและมีส่วนร่วมกับชุมชน รวมถึงการดูแลคุณภาพชีวิตพนักงานและชุมชนโดยรอบ
ด้านสินค้า อิเกียให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมการใช้ชีวิตที่ดีและยั่งยืน ภายใต้หลักการ Democratic Design ซึ่งคำนึงถึงรูปทรง การใช้งาน คุณภาพ ราคาที่เหมาะสม และความยั่งยืน สินค้าได้รับการออกแบบโดยใช้วัสดุที่ทนทานหรือรีไซเคิลได้ สนับสนุนการใช้พลังงานและน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถซ่อมแซม นำกลับมาใช้ใหม่ หรือรีไซเคิลได้ นอกจากนี้ยังพัฒนาอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น เพิ่มตัวเลือกเมนูอาหารจากพืช หรือ plant-based ในร้านอาหารอิเกีย โดยปัจจุบันร้อยละ 50 ของเมนูหลักเป็นอาหารจากพืช เช่น แพลนต์บอล หรือ Plant Balls และคัดสรรวัตถุดิบจากแหล่งที่ยั่งยืน เช่น แซลมอนที่ได้รับการรับรองจาก Aquaculture Stewardship Council หรือ ASC และกาแฟ ช็อกโกแลตที่ได้รับการรับรองจาก Rainforest Alliance และ UTZ
สำหรับการดำเนินงานและสถานที่ อิเกียลงทุนกว่า 25 ล้านบาทในการขยายระบบโซลาร์รูฟท็อปที่อิเกีย บางนา ซึ่งสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 2,890 เมกะวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 1,152 เมตริกตันต่อปี ทำให้สัดส่วนพลังงานหมุนเวียนของสโตร์เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 15 เป็นร้อยละ 35 และมีแผนขยายการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมในอนาคต ขณะเดียวกัน ยังขยายการใช้รถขนส่งสินค้าไฟฟ้า หรือ EV โดยร่วมกับพันธมิตร Mober เปิดตัวรถบรรทุกไฟฟ้ากว่า 20 คันในเขตกรุงเทพฯ ในเดือนพฤษภาคม 2568 ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 30 คันภายในสิ้นปีนี้ เพื่อให้การจัดส่งในกรุงเทพฯ อย่างน้อยร้อยละ 40 ดำเนินการด้วยรถ EV ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้สูงสุดร้อยละ 87 ต่อกิโลเมตร และตั้งเป้าขยายสัดส่วนการจัดส่งด้วยรถ EV ให้ถึงร้อยละ 70 ทั่วประเทศภายในปี 2573
อิเกียยังให้ความสำคัญกับการดูแลผู้คนและโลก หรือ Caring for people and planet โดยส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่หลากหลายและครอบคลุม สนับสนุนพนักงานด้วยสวัสดิการรอบด้าน จัดหาแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับความยั่งยืน และเปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อสังคมผ่านโครงการ Social Day นอกจากนี้ยังร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เช่น มูลนิธิกระจกเงา โครงการฝึกงานร่วมกับโรงเรียนมีชัยพัฒนา และบริจาคเพื่อชุมชนที่ขาดแคลน ในด้านห่วงโซ่อุปทาน อิเกียยึดมั่นในแนวทาง IWAY Supplier Code of Conduct ซึ่งเป็นมาตรฐานการจัดหาทรัพยากรอย่างรับผิดชอบ ครอบคลุมผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สภาพการทำงาน และสิทธิมนุษยชน