ECONOMY

ศูนย์วิจัยกรุงไทย เผยมูลค่าส่งออกเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา หดตัว 6.4% คาดครึ่งปีหลัง ยังคงเผชิญความไม่แน่นอน

Krungthai COMPASS เปิดเผยว่า มูลค่าส่งออกเดือน มิ.ย. 66 หดตัว 6.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ติดลบติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 จากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง โดยการส่งออกสินค้าหมวดอุตสาหกรรมกลับมาหดตัว ขณะที่การส่งออกหมวดเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรหดตัวต่อเนื่อง ทั้งนี้ ประเมินว่าผู้ส่งออกยังคงเผชิญความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนในช่วงครึ่งปีหลัง การส่งออกของไทยอาจฟื้นตัวได้อย่างจำกัด สอดคล้องกับทิศทางการส่งออกของภูมิภาคที่ยังหดตัวต่อเนื่อง

นายชนม์นิธิศ ไชยสิงห์ทอง นักวิเคราะห์ Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า มูลค่าส่งออกเดือนมิถุนายน 2566 อยู่ที่ 24,826.0 ล้านดอลลาร์ฯ หดตัว 6.4%YoY เป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 แต่หดตัวน้อยกว่าตลาดคาดการณ์ที่ -7.3% โดยการส่งออกหดตัวต่อเนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ความต้องการสินค้าลดลงและภาคธุรกิจเร่งระบายสินค้าคงคลังมากขึ้น สำหรับการส่งออกทองคำหดตัว 65.9% ทำให้เมื่อหักทองคำแล้ว มูลค่าส่งออกเดือนนี้ติดลบ 5.1%YoY ทั้งนี้ การส่งออก 6 เดือนแรกหดตัว 5.4%

การส่งออกรายสินค้าส่วนใหญ่หดตัว โดยแบ่งเป็น

1.การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ซึ่งกลับมาหดตัวที่ -4.6%YoY หลังจากขยายตัวเมื่อเดือนก่อนหน้าที่ 1.5%YoY เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน (-21.7%) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ (-20.1%) เคมีภัณฑ์ (-14.3%) และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ (-9.0%) เป็นต้น สำหรับสินค้าสำคัญที่ขยายตัวได้ ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ (+7.2%) แผงวงจรไฟฟ้า (+5.3%) อัญมณีและเครื่องประดับ ที่ไม่รวมทองคำ (+31.2%) อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด (+68.7%) หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ (+46.8%) และเครื่องใช้สำหรับเดินทาง (+30.3%) เป็นต้น

2.การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ที่ -8.6%YoY จากเดือนก่อนที่หดตัว -16.3%YoY จากสินค้าหมวดเกษตรและหมวดอุตสาหกรรมเกษตรที่หดตัวต่อเนื่อง -7.4%YoY และ -10.2%YoY ตามลำดับ โดยสินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ ข้าว (-15.0%) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (-16.7%) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง (-16.7%) ยางพารา (-43.0%) ผลไม้กระป๋องและแปรรูป (-22.5%) และไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ (-80.8%) เป็นต้น สำหรับสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/แห้ง (+14.2%) น้ำตาลทราย (+31.4%) เครื่องดื่ม (+8.3%) ไก่สด/แช่เย็น/แช่แข็ง (+10.7%) และไอศกรีม (+11.3%) เป็นต้น

ด้านการส่งออกรายตลาดบางส่วนยังหดตัว โดย สหรัฐฯ กลับมาหดตัวที่ -4.8%YoY จีน กลับมาขยายตัวที่ 4.5%YoY ญี่ปุ่น กลับมาขยายตัวที่ 2.6%YoY EU27 กลับมาหดตัวที่ -9.0%YoY และ ASEAN5 กลับมาหดตัวที่ -18.0%YoY

มูลค่าการนำเข้าเดือน มิ.ย. อยู่ที่ 24,768.4 ล้านดอลลาร์ฯ หดตัว 10.3%YoY หดตัวมากขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนที่หดตัว 3.2%YoY ตามการหดตัวของสินค้าเชื้อเพลิง (-17.9%YoY) จากผลของฐานราคาพลังงานที่สูงในปีก่อน สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (-14.5%YoY) สินค้าอุปโภคบริโภค (-2.6%YoY) และสินค้าทุน (-1.7%YoY) ขณะที่การนำเข้ายานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่งขยายตัวต่อเนื่อง (+10.3%YoY) ด้านดุลการค้าเดือน มิ.ย. กลับมาเกินดุลเล็กน้อยที่ระดับ 57.7 ล้านดอลลาร์ฯ สำหรับดุลการค้า 6 เดือนแรกขาดดุลสะสม -6,307.6 ล้านดอลลาร์ฯ

ทั้งนี้ Krungthai COMPASS ประเมินว่า ผู้ส่งออกจะยังเผชิญความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนในช่วงครึ่งปีหลัง แม้ว่ามูลค่าการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มที่จะกลับมาขยายตัวได้ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขในครึ่งปีหลังจะกลับมาเป็นบวกจากผลของฐานปีก่อนที่ต่ำลง แต่มูลค่าการส่งออกต่อเดือนอาจฟื้นตัวได้ค่อนข้างจำกัดเนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตของประเทศเศรษฐกิจหลักมีแนวโน้มชะลอตัวท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะยุโรป ซึ่งดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ยังอยู่ในระดับหดตัวต่อเนื่อง

นอกจากนี้ เศรษฐกิจจีนมีสัญญาณฟื้นตัวช้ากว่าคาด ส่งผลให้การฟื้นตัวของอุปสงค์โลกในระยะข้างหน้ามีความไม่แน่นอนสูง สอดคล้องกับทิศทางการส่งออกของภูมิภาคที่ยังหดตัวต่อเนื่อง และข้อมูลเร็วการส่งออกของเกาหลีใต้เดือน ก.ค. 20 วันแรกยังหดตัวสูงถึง -16.5%YoY สะท้อนถึงอุปสงค์โลกยังอ่อนแอ

Related Posts

Send this to a friend