‘พิชัย’ จับมือปากีสถาน ฟื้นเวทีประชุม คกก.ร่วมทางการค้า JTC ครั้งแรกในรอบ 10 ปี
‘พิชัย’ จับมือปากีสถาน ฟื้นเวทีประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า JTC ครั้งแรกในรอบ 10 ปี ไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพการประชุม 68
วันนี้ (6 ม.ค. 68) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังหารือกับ นางรุคซานา อัฟซอล เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานประจำประเทศไทยว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะกลับมาประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย-ปากีสถาน หลังจากห่างหายไปกว่า 10 ปี หารือแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์ร่วมกันภายใต้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและบริบทการค้าปัจจุบัน โดยไทยยินดีเป็นเจ้าภาพการประชุมในปี 2568
นายพิชัย กล่าวว่า ปากีสถานเป็นตลาดใหญ่ มีประชากรกว่า 240 ล้านคน มากเป็นอันดับ 5 ของโลก การค้าระหว่างกันมีความเกื้อกูลกันและมีโอกาสขยายตัวได้อีกมากเนื่องจากสินค้าหลายรายการเป็นสินค้าขั้นกลางจากไทยที่สามารถนำไปต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มในห่วงโซ่อุปทานการผลิตของปากีสถานเพื่อรองรับตลาดภายในและส่งออกไปต่างประเทศ เช่น ใยสังเคราะห์ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและ ส่วนประกอบ และชิ้นส่วนรถยนต์ ปากีสถานมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ที่สามารถเป็นวัตถุดิบให้กับอุตสาหกรรมการผลิตของไทยได้ เช่น สัตว์น้ำ อัญมณี ถ่านหิน และแร่เหล็ก
ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมการเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการค้าระหว่างกัน โดยไทยเชิญชวนให้ผู้ประกอบการปากีสถานเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ My Karachi ระหว่างวันที่ 1-3 สิงหาคม 2568 ณ เมืองการาจี ขณะที่ปากีสถานเชิญผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงาน Pakistan ASEAN Trade Development Conference วันที่ 6-9 สิงหาคม 2568 ณ กรุงจาการ์ตา
นายพิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยและปากีสถาน ยังยืนยันความมุ่งมั่นการส่งเสริมการลงทุนระหว่างกัน โดยปากีสถานจัดตั้งสภาอำนวยความสะดวกการลงทุนพิเศษ (Special Investment Facilitation Council) เพื่อส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนต่างชาติใน 5 สาขาหลัก ได้แก่ เกษตรและอาหาร เทคโนโลยีสารสนเทศ พลังงานหมุนเวียน การทำเหมืองแร่ และท่องเที่ยว ขณะที่ไทยเชิญชวนให้ปากีสถานเข้ามาลงทุนจัดตั้ง Data Center ในไทย
ปากีสถานเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ โดยช่วง 11 เดือนของปี 2567 การค้าระหว่างไทยกับปากีสถานมีมูลค่า 1,031.76.22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็น การส่งออกไปปากีสถานมูลค่า 781.36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เส้นใยประดิษฐ์ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก และยางพารา การนำเข้าจากปากีสถาน มูลค่า 250.40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป น้ำมันดิบ กระดาษ และผลิตภัณฑ์กระดาษ เสื้อผ้าสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์สิ่งทออื่น ๆ โดยไทยได้เปรียบดุลการค้า 530.97 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
