CRIME

‘ชัยวัฒน์’ เปิดเบื้องหลัง อธิบดีกรมอุทยานฯ เรียกรับสินบน

‘ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร’ เปิดเบื้องหลังอธิบดีกรมอุทยานฯ เรียกรับสินบนใช้อำนาจหน้าที่ไม่เหมาะสม – กลั่นแกล้ง โยกย้ายเจ้าหน้าที่ไม่ยอมจ่ายเงินวิ่งเต้น

กรณีที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบล่อจับนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พันธุ์พืช ในข้อหาข้อหา “เรียกรับสินบน” เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่27 ธันวาคม 2565 ภายในห้องทำงาน อาคารสืบนาคะเสถียร กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ก่อนถูกเชิญตัวมาสอบปากคำเพื่อดำเนินคดี

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแห่งกระจาน เปิดเผยถึงสาเหตุที่เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความเอาผิด นายรัชฎา เพราะพบเห็นพฤติกรรมการใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ไม่เหมาะสม  กลั่นแกล้งโยกย้ายตำแหน่งเจ้าหน้าที่ ที่ไม่ยอมจ่ายเงินวิ่งเต้น โยกย้ายไปทำงานในยังตำแหน่งอื่น ที่ห่างไกลจากภูมิลำเนาหรือที่พักอาศัย ทำให้ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของครอบครัว ทำให้สถาบันครอบครัวของเจ้าหน้าที่คนนั้นแตกแยก ทำให้เจ้าหน้าที่คนนั้น จำเป็นต้องวิ่งเต้นหาเงินมาเพื่อไม่ให้ถูกย้าย โดยมีการเรียกจ่ายค่ารักษาตำแหน่งรายเดือน ถ้าไม่จ่ายก็จะโดนโยกย้ายไปที่อื่น อีกทั้งยังพบว่ามีการเรียกรับสินบนในการวิ่งเต้นเลื่อนตำแหน่งหน้าที่การทำงาน รายบุคคล ครั้งละ 2 แสน ถึง 3 แสนบาท 

นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมเรียกเก็บเงินจากหัวหน้าหน่วยงานภาคสนาม โดยคิดตามอัตราส่วนจากหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ เช่น อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จะเก็บ 18.5 เปอร์เซ็นต์ จากหมวดงบดำเนินงานและค่าใช้สอย หน่วยป้องกันไฟป่า 30 เปอร์เซ็นต์ จากหมวดงบดำเนินงาน และ ค่าใช้สอย ซึ่งในส่วนนี้จะมีการเรียกประชุมผู้บัญชาการสำนัก 16 สำนัก 15 สาขา มาประชุมประจำเดือน ชี้ให้เห็นว่ามีการแบ่งรับแบ่งจ่ายกันในแต่ส่วนงาน หักจากงบที่ได้มาจ่ายให้  โดยอ้างว่าเงินที่พบในวันนี้จำนวนเกือบ 5 ล้านบาท เป็นเพียง 1 ใน 4 ส่วนเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าในแต่ละเดือนอาจจะได้เงินมากถึง 20 ล้าน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าส่วนตัวไม่เคยมีปัญหากับนายรัชฎา หรือไม่ นายชัยวัฒน์ ตอบว่าที่เข้ามาช่วยเปิดโปงเรื่องนี้เพราะทนเห็นพฤติกรรมแบบนี้ไม่ได้ ขณะตัวเองยังเคยถูกเรียกสินบน จึงจัดกำลังลงพื้นที่สืบหา และตรวจสอบข้อเท็จจริง ประสาน ป.ป.ช.และ บก.ปปป. นำมาสู่การเชิญตัวมาแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมกับเข้าตรวจค้นพยานหลักฐานภายในห้องทำงาน ก่อนจะพาตัวเดินทางไปยัง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย

Related Posts

Send this to a friend