CRIME

‘ทนายตั้ม’ ยอมรับ มีค่าแถลงข่าวออกสื่อ 3 แสนจริง แต่เป็นค่าเสี่ยงภัยกันถูกฟ้องกลับ

วันนี้ (27 มี.ค. 66) เวลา 10:00 น. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม แถลงข่าวชี้แจงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ภาพใบเสนอราคาในการแถลงข่าวออกสื่อ จำนวน 300,000 บาท โดยระบุว่า “แถลงไป ไถไป” และกล่าวหาว่านายษิทรา เป็นตัวแทนเว็บพนันออนไลน์

นายษิทรา เปิดเผยว่า เมื่อย้อนกลับไปปี 2547 หลังตนเรียนจบเนติบัณฑิต และเป็นทนายความได้ให้คำปรึกษา และให้ความรู้ประชาชนทางกฎหมายโดยไม่เสียเงิน ซึ่งได้ช่วยเหลือครอบครัวหนึ่งก่อนได้รับคำชมว่า “สมกับเป็นทนายประชาชน” ก่อนจะนำมาทำเสื้อ และตั้งมูลนิธิคอยให้คำปรึกษา รวมทั้งบรรยายข้อกฎหมาย จนกระทั่งตนมามีชื่อเสียงจากคดีหวย 30 ล้านบาท และคดีของลุงพล ไชยพล วิภา ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนทำให้ตนไม่มีงานเลยเป็นเวลา 6 เดือน และทำให้ครอบครัวต้องลำบาก ก่อนหันมาทำธุรกิจเปิดบริษัทษิทราลอว์เฟิร์ม เป็นเวลา 1 ปี มีคดีความนับพันคดี

นายษิทรา ยอมรับว่า มีคดีที่ตนเรียกเก็บเงินค่าแถลงข่าวจริง แต่ไม่ใช่ทุกคดี เว้นแต่เป็นคดีที่ต้องต่อสู้กับผู้มีอิทธิพล ซึ่งลูกความต้องมีกำลังจ่าย และตนจะถูกฟ้องร้องแน่ โดยเงินดังกล่าวเป็นเงินค่าเสี่ยงภัย ป้องกันการถูกฟ้องกลับ ซึ่งจะไปใช้กับทุกคนที่จะถูกฟ้อง ไม่ใช่เพียงตนเท่านั้น สำหรับกรณีภาพที่นายชูวิทย์ โพสต์เป็นเหตุการณ์วันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา มีนายตี้ ที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันมาปรึกษาตนว่ามีญาติกดโทรศัพท์ตัวเองโอนเงิน 40 ล้านบาทเข้าเว็บพนัน จึงต้องการให้ตนเองตามเรื่องกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) แต่เรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับนายตำรวจใหญ่ จึงเรียกเงินค่าฟ้องร้อง และเก็บเพิ่มอีก 15 เปอร์เซ็นต์ แต่เรื่องนี้ไม่ได้ตกลงกัน เพราะผู้เสียหายจึงไปพบทนายเดชา กิตติวิทยานนท์ แทน ทำให้ใบเสนอราคากลายเป็นที่มาของการแฉครั้งนี้ ยืนยันไม่ได้ไถเงิน ส่วนคดีอื่นๆ ที่ไม่เก็บเงินเช่นคดีน้องพอร์ช yes indeed ที่ทำผิดสัญญาค่ายเพลง ซึ่งตนเองก็ถูกฟ้องแต่ไม่ได้เรียกเก็บเงิน

นายษิทรา ยอมรับว่าตนเรียกเงินแพงเพราะทุกคนทราบดีว่าตัวเองจริงจัง และตามคดีถึงที่สุด ในเมื่อลูกความมาพึ่งตนแล้ว หากโดนฟ้องก็ต้องโดนด้วยกัน ถือเป็นคติ ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนต่างๆ ปกติตนคิดเงินค่าโทรศัพท์ปรึกษากับทีมงานเป็นเวลา 20 นาที ราคา 1,000 บาท ปรึกษากับตน 1,500 บาท หากมาพบตนที่สำนักงานครึ่งชั่วโมง 3,000 บาท ยืนยันว่าโปร่งใส สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินได้ เพราะเสียภาษีอย่างถูกต้อง ไม่ผิดมารยาททนายความ เพราะการเรียกรับเงินถือเป็นเรื่องปกติ โดยตนเองก็ทราบว่า มีทนายหญิงคนหนึ่งเก็บเงินค่าออกรายการโทรทัศน์ดังถึง 3 แสนบาท

นายษิทรา ย้ำว่า จะยังเรียกเก็บเงินต่อไป เพียงแต่ต้องเปลี่ยนถ้อยคำจากค่าแถลงข่าวเป็นค่าดำเนินการติดตามเรื่อง และเงินสำหรับการฟ้องร้อง พร้อมยืนยันว่าไม่ได้หลอกใช้สื่อ และไม่กลัวว่าสื่อไม่มานำเสนอข่าวให้ตนเอง เพราะที่ผ่านมาพูดกับลูกความแล้วว่าตนเองจะเป็นผู้รับผิดชอบเองทั้งหมด จึงไม่เคยแจ้งสื่อมาก่อนหน้านี้ และหลังจากนี้เวลาแจ้งหมายข่าวจะระบุด้วยว่า คดีไหนได้รับเงินหรือไม่ ที่ผ่านมามีทั้งคนจน และรวยที่มาปรึกษาแต่ไม่ได้เก็บเงินทั้งหมด

ส่วนเรื่องการเปลี่ยนรูปลักษณ์ และรสนิยมการใช้ชีวิตของตัวเองก็เพราะมีฐานะมากขึ้น จึงอยากให้ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดี ไม่ถือเป็นเรื่องผิดแปลก เพราะตัวเองยืนยันว่าทำธุรกิจโดยสุจริต ยอมรับว่าลูกความเคยมอบของขวัญนอกจากเงินให้เป็นเสื้อราคา 2 หมื่นบาท

Related Posts

Send this to a friend