CRIME

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เผย ทราบตัวผู้สั่งการค้นบ้านแล้ว

มองเป็นการชกใต้เข็มขัด หวังดิสเครดิต ยอมรับตัวเองเป็นเบอร์ 2 นั่งเก้าอี้ ผบ.ตร. ไม่คิดล้ำหน้า เบอร์ 1 ไม่หวั่นถูกโยกย้าย แต่ต้องเป็นธรรม

วันนี้ (25 ก.ย. 66) ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ได้สั่งการให้ลูกน้องคนสนิทเข้ามอบตัวที่ กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 แล้ว ส่วนตัวยืนยันไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ และตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าไปกดดันตำรวจระดับผู้กำกับในท้องที่ในการช่วยเหลือลูกน้องทั้ง 8 คน ที่ถูกออกหมายจับ แต่หากมีพยานหลักฐานชี้ชัดว่าลูกน้องกระทำความผิดก็ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการเช็คบิลสำหรับการดำเนินคดีต่างๆ ที่สะสมมาทั้งหมดใช่หรือไม่ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า เป็นการดำเนินการเพื่อดิสเครดิต ซึ่งถือว่าเป็นการชกใต้เข็มขัด และตอนนี้ตนเองรู้หมดแล้วว่าใครเป็นคนสั่งการให้บุกค้นบ้าน

ส่วนกระแสข่าวที่มีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายให้ตนเองไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นั้น ขณะนี้ยังไม่เห็น และตอนนี้ยังสนุกกับการทำงานอยู่ แต่ถ้าหากมีการย้ายจริง ตนไปที่ไหนก็ได้เพราะชอบทำงาน แต่ต้องเป็นการย้ายที่เป็นธรรม

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะกระทบกับการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในวันที่ 27 กันยายนนี้หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มองว่า การพิจารณานั้นขึ้นอยู่กับระเบียบที่พิจารณาจากความอาวุโส และผลงาน โดยมีคณะ ก.ตร. และนายกรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอรายชื่อ

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยอมรับว่า ตนเองเป็นเบอร์ 2 ไม่ใช่เบอร์ 1 ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะต้องดูเบอร์ 1 หากเบอร์ 1 ยังอยู่ ตนก็ไม่คิดจะล้ำหน้า และตาม พ.ร.บ. ตำรวจปี 65 เขียนไว้ชัดเจนว่าจะต้องมีการพิจารณาโดยการยึดตำแหน่งผู้อาวุโส และตอนนี้ตนก็ความสนุกกับการทำงานในตำแหน่งนี้ และยังเหลือเวลาราชการอีกเยอะ รวมถึงไม่คิดไปแข่งกับใคร

ส่วนจะเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือไม่นั้น เรื่องนี้อยู่ที่นายกรัฐมนตรี แต่เราต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ซึ่งตัวชี้วัดอยู่ที่ประชาชน และในเรื่องที่ตนเองถูกตรวจสอบก็ต้องเดินหน้าต่อไป แต่หากใครทำโดยไม่ชอบ ก็ต้องรับผิดชอบในความผิดนั้นไปด้วย

ในช่วงท้าย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ฝากถึงประชาชนว่าไม่ต้องห่วง ตนจะรักษาหน้าที่ให้ดีที่สุด และพร้อมรับการตรวจสอบ ใครอยากตรวจสอบตนก็จะให้ตรวจสอบ เนื่องจากโดนมาเยอะแล้ว ไม่ใช่ครั้งแรก โดยมองว่าเรื่องนี้มีใบสั่งมาเพราะเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ

ช่วงหนึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังบอกด้วยว่า จะยังทำงานตามปกติเช่นเดิม และจะไม่ลดบทบาทของตนเอง ก่อนจะกล่าวถึงอุดมณ์คติของตำรวจด้วยว่า “อดทนต่อความเจ็บใจ และไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก ไม่มักมากในลาภผล”

Related Posts

Send this to a friend