CRIME

AIS ร่วมมือตำรวจไซเบอร์ ทลายแก๊งมิจฉาชีพ ใช้เครือข่ายปลอมส่ง SMS หลอกลวงประชาชน

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ร่วมกับทีมวิศวกรของ AIS เข้าตรวจค้นจับกุมกลุ่มขบวนการส่งข้อความสั้น (SMS) ในลักษณะลิงก์ปลอม อ้างชื่อเป็นสถาบันการเงิน หลอกดูดเงินผู้เสียหาย โดยจับกุม ผู้ต้องหากับพวก รวม 6 คน พร้อมตั้งข้อหา

1.ร่วมกัน ทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 6 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498

2.ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตตามมาตรา 11 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498

3.ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม ตามมาตรา 67(3) ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม, เป็นอั้งยี่หรือซ่องโจรตามประมวลกฎหมายอาญา

จากการตรวจสอบการกระทำความผิดดังกล่าว พบว่าคนร้ายจะนำเครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station) ใส่ไว้ในรถแล้วขับออกไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เมื่อแล่นรถผ่านไปทางใดก็จะส่งสัญญาณไปยังโทรศัพท์มือถือที่อยู่บริเวณใกล้เคียง แล้วส่งข้อความสั้น (SMS) ในลักษณะลิงก์ปลอมอ้างชื่อเป็นสถาบันการเงิน หรือ หน่วยงานต่างๆ และหากประชาชนหลงเชื่อกดลิงก์ดังกล่าว จะถูกติดตั้งแอพพลิเคชั่นควบคุมเครื่องระยะไกล ทั้งนี้พบข้อมูลจากระบบการรับแจ้งความออนไลน์ในห้วงเดือน เม.ย. – พ.ค.2566 ที่มีการแจ้งความออนไลน์ รวมค่าเสียหายมากถึง 124,896,689.84 บาท

นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัลที่มีเป้าหมายสูงสุดคือ การปกป้องข้อมูลและการใช้งานระบบสื่อสารของลูกค้า นอกเหนือจากการพัฒนาดิจิทัลเซอร์วิสเพื่อช่วยป้องกันภัยไซเบอร์ ยังได้ร่วมทำงานกับภาครัฐ ตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2565 ที่ผ่านมา พบว่ามิจฉาชีพมีการพลิกแพลงรูปแบบการละเมิดเพิ่มเติมขึ้น ดังเช่นกรณีการส่ง SMS จากเครือข่ายปลอมด้วยอุปกรณ์ผิดกฎหมายไปยังมือถือประชาชน โดยใช้ชื่อผู้ส่งปลอมแปลงในนามขององค์กรต่าง ๆ หลอกให้ประชาชนเชื่อและกดลิงก์ แอดไลน์ จนก่อให้เกิดความเสียหายทั้งทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล

“AIS ในฐานะผู้ให้บริการเครือข่าย ได้ตรวจสอบพบความผิดปกติ และทีมวิศวกร ได้ร่วมทำงานกับฝ่ายความมั่นคงอย่างเต็มกำลังมาแล้วระยะหนึ่ง ในการเฝ้าดูและติดตามพฤติกรรมของมิจฉาชีพตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านเทคโนโลยี Tracking& Monitoring จนสามารถคำนวณเส้นทางการเคลื่อนตัวอย่างละเอียดเพื่อค้นหาให้ถึงตัวแหล่งกบดานของกลุ่มนี้ และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ภารกิจการทลายแก๊งมิจฉาชีพกลุ่มนี้สำเร็จลงได้” นายวรุณเทพ กล่าว

Related Posts

Send this to a friend