CRIME

เลขาฯ ป.ป.ช. ลุยตรวจ รีสอร์ทหรูรุกที่ราชพัสดุกองทัพเรือ อยู่ระหว่างอุทธรณ์คำสั่งรื้อถอน

วันนี้ (25 เม.ย. 66) เวลา 11:00 น. ที่โรงแรมราวินทรา บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จัดโครงการสื่อมวลชนสัมพันธ์ สำนักงาน ป.ป.ช. ครัังที่ 2 อภิปรายในประเด็น ‘รีสอร์ทหรูรุกที่บนเขาแสมสาร และสถานการณ์การทุจริตในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 2’ นำโดย นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายสุพจน์ ศรีงามเมือง ผู้ช่วยเลขาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 2 นายกิจติพงค์ ขลิบแย้ม ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดชลบุรี พร้อมพาสื่อมวลชนลงพื้นที่ให้ความรู้เกี่ยวกับกรณีศึกษาภารกิจด้านงานป้องกันการทุจริต โดยมีเจ้าหน้าที่จาก สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดชลบุรี สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 2 เจ้าหน้าที่จากกองทัพเรือ และเจ้าหน้าที่จากองค์การบริหารส่วนตำบลแสมสาร ร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูล และตอบคำถามสื่อมวลชนในครั้งนี้

นายกิจติพงค์ เปิดเผยการดำเนินการของรีสอร์ทหรูดังกล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 62 น.ส.รมณี โจว ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเช่าพื้นที่ราชพัสดุ (จป.3902) ต่อกรมธนารักษ์พื้นที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งมีเนื้อที่ 7-2-08 ไร่ เพื่ออยู่อาศัย และการประกอบเกษตร ต่อมา 23 ม.ค. 63 กรมธนารักษ์ ทำหนังสือยื่นต่อกองบัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ (ฐท.สส.) เพื่อขอทราบความยินยอมกรณีขอเช่าของ น.ส.รมณี โดยในวันที่ 1 ส.ค. 65 เจ้าหน้าที่จาก ฐท.สส. ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เช่าดังกล่าว พบว่า มีการตั้งตู้คอนเทนเนอร์ จำนวน 6 ตู้ ซึ่งถูกระบุว่าเป็นบ้านพักอัจฉริยะ บ้านอวกาศ ของผู้เช่า เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้ง น.ส.รมณี ให้หยุดดำเนินการจนกว่าจะได้รับความยินยอมจากกองทัพเรือ และประสาน อบต. แสมสาร เรื่องขอความร่วมมือให้กำกับดูแลในพื้นที่ราชพัสดุ

จากนั้น วันที่ 21 พ.ย. 65 ฐท.สส. มีบันทึกเสนอความเห็นไปยังกองทัพเรือ กรณีราษฏรจำนวน 12 ราย ขอเช่าพื้นที่ของ น.ส.รมณี (4-2-45 ไร่) ไม่ผ่านหลักเกณฑ์ และอยู่ในพื้นที่สงวนสิทธิ์การจัดให้เช่า โดยในช่วงกลางเดือนมีนาคม ปี 66 ฐท.สส. ได้ประสานอำเภอสัตหีบ สภ.สัตหีบ อบต.แสมสาร และกำนัน ตำบลแสมสาร ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ขอเช่า มีอาคารส่วนกลาง 1 หลัง อาคารบ้านพักรูปแบบรีสอร์ท (บ้านอวกาศ) จำนวน 6 หลัง ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ในการขอเช่า เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งให้ น.ส.รมณี ระงับการดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. 66 พร้อมกับแจ้งนายก อบต.แสมสาร ให้ตรวจสอบการขออนุญาตปลูกสร้างอาคาร แจ้งการไฟฟ้าเพื่อให้ตรวจสอบการขอใช้ไฟของรีสอร์ท และแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.สัตหีบ

กองอสังหาริมทรัพย์ฐานทัพเรือสัตหีบ (กอท.ฐท.สส.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบความก้าวหน้าในการระงับการดำเนินการของรีสอร์ท และแจ้งผู้ประกอบการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างภายใน 30 วัน รวมทั้งแจ้งอำเภอสัตหีบ อบต.แสมสาร ดูแลพื้นที่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง พร้อมแจ้งความดำเนินคดีทางกฎหมายในฐานความผิด 3 ข้อหา ได้แก่ ฝ่าฝืนปลูกสร้างโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างลงในบริเวณเขตปลอดภัยในราชการทหารโดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานเข้าไปยึดถือครอบครองก่อสร้างแล้วทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพ และข้อหาบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา

ต่อมาในช่วงเดือน เม.ย. ปี 66 น.ส.รมณี ยังไม่มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง แต่ได้มีการยื่นหนังสือถึงนายก อบต.แสมสาร เพื่ออุทธรณ์คำสั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง โดยขณะนี้คดียังอยู่ในการต่อสู้ชั้นศาล

ภายหลังการสัมมนา ป.ป.ช. และกองทัพเรือ พาสื่อมวลชนไปดูจุดที่รีสอร์ทดังกล่าวรุกที่บนเขาชายหาดแสมสาร โดยใช้ภาพจากโดรนทางอากาศในการเปิดภาพให้เห็นจุดดังกล่าว ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าฟื้นฟูธรรมชาติ ที่ดินป่าสมบูรณ์ ถือเป็นที่ดินของรัฐประเภทหนึ่ง และเป็นพื้นที่หวงห้าม เนื่องจากเป็นพื้นที่ป่า และพื้นที่ธนารักษ์ที่ไว้ใช้สำหรับทางการทหาร

นายนิวัติไชย กล่าวว่า วันนี้พาสื่อมวลชนมาดูรูปแบบการทำงานของ ป.ป.ช. ที่มี 2 กรณีในปัจจุบัน คือนโยบายป้องปราม และนโยบายการปราบปราม โดยวันนี้เป็นการพาชมนโยบายเรื่องการป้องปราม เนื่องจากได้รับข้อมูลข่าวสารจากสื่อต่าง ๆ ว่ามีการก่อสร้างบุกรุกที่ดินของรัฐ ซึ่งเป็นที่ดินที่อยู่ในความครอบครองของกองทัพเรือ ซึ่ง ป.ป.ช. ได้ลงตรวจสอบและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่ากองทัพเรือไม่ได้เพิกเฉย ดำเนินการแจ้งให้ผู้ที่บุกรุกทราบเรื่องการครอบครองที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และแจ้งความดำเนินคดีเรื่องการรุกที่ราชพัสดุ รวมทั้งประสานองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นตรวจสอบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีการออกใบอนุญาตหรือไม่

สำหรับการลงมาติดตาม พบว่ายังไม่ได้รื้อถอนออกไป เพราะผู้บุกรุกใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งรื้อถอน โดยอ้างว่าไม่ใช่อาคาร เป็นตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งการตรวจสอบพบว่าลักษณะการก่อสร้างดังกล่าวกินความไปถึงสิ่งปลูกสร้าง แม้จะไม่ใช่สิ่งปลูกสร้างถาวรก็ตาม เพราะการนำมาตั้งก็ถือว่าเข้าข่ายเรื่องข้อกฎหมายแล้ว

ทั้งนี้ ป.ป.ช. ยังติดตามเรื่องเกี่ยวกับการรุกล้ำที่หลวงต่าง ๆ ซึ่ง ป.ป.ช. เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะพื้นที่เป็นประโยชน์ของสาธารณะ คนที่จะใช้พื้นที่นี้ได้คือประชาชนสาธารณะ ส่วนที่ที่รัฐสงวนหวงห้ามไว้เป็นที่ป่าไม้เพื่อประโยชน์ของทางราชการ การที่นำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว เรียกค่าที่พักเพื่อหารายได้ก็ถือว่าไม่ถูกต้อง และเป็นสิ่งที่ต้องใช้ร่วมกัน

Related Posts

Send this to a friend