CRIME

’พล.ต.อ.สุรเชษฐ์‘ ดับเครื่องชน ยื่นฟ้องกราวรูดชุดพนักงานสอบสวนทำคดีเว็บพนัน

’พล.ต.อ.สุรเชษฐ์‘ ดับเครื่องชน ยื่นฟ้องกราวรูดชุดพนักงานสอบสวนทำคดีเว็บพนัน พร้อมแฉ ขบวนการเตะตัดขาขึ้น ผบ.ตร. แจงปม ถอนฟ้องนายกฯ เพราะถูกหลอก จากคนที่เข้าพบนายกฯ เป็นคนสุดท้าย เปรียบตัวเองเป็นยาสามัญประจำบ้าน หากให้ประชาชนเลือกตั้ง ผบ.ตร.ตนเองได้เป็นอย่างแน่นอน

วันนี้ (24 เม.ย. 67) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมายื่นหนังสือถึงประธาน ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบการทำงานของหัวหน้าพนักงานสอบสวน และคณะพนักงานสอบสวนในการดำเนินคดีการฟอกเงินจากเครือข่ายเว็บการพนัน BNK Master ที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ถูกกล่าวหา ว่าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ว่าทำโดยชอบธรรมหรือไม่

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตนเองได้ร้องขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบว่าคณะพนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจในการสืบสวนสอบสวนทั้งสน.เตาปูน และสน.ทุ่งมหาเมฆ จึงถือว่าได้มาโดยมิชอบทั้งหมด ไม่สามารถนำเข้าสู่สำนวนได้ ส่วนตัวไม่ได้ลงรายละเอียดในเนื้อหาสำนวนผิดถูกค่อยไปว่ากันแต่ต้องดูว่ามีอำนาจหรือไม่ ซึ่งวันนี้จึงเดินทางมายื่นร้องทุกข์กล่าวโทษเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ตั้งแต่ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสืบสวนสอบสวนของคดีนี้ และคณะพนักงานสอบสวนทั้งหมด จำนวนกว่า 200 คน ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญา

ทั้งนี้ ตนเองอยากขอเตือนน้องๆ ตำรวจว่า การสั่งของผู้บังคับบัญชา หากกังวลว่ามีคำสั่งแล้วไม่ทำจะโดนย้าย อยากบอกว่า ถ้าย้ายไปก็สามารถย้ายกลับได้ แต่หากทำโดยมิชอบ ก็อาจถูกดำเนินคดีอาญา และต้องติดคุก และเมื่อสู้คดีก็ต้องสู้อย่างเดียวดาย ซึ่งบางคนที่กำลังจะเกษียณอายุราชการในเดือนตุลาคมนี้ อาจจะต้องใช้เวลาจากนั้นในการต่อสู้ทางคดีไปตลอด หาก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดแล้ว ก็ต้องออกจากราชการไว้ก่อน อย่าทำเป็นเล่น เพราะกระบวนการตรวจสอบของ ป.ป.ช. มีความรอบคอบ และเป็นธรรมอย่างแน่นอน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวถึงการตรวจสอบ เส้นเงินของ สน.เตาปูน และสน.ทุ่งมหาเมฆ ซึ่งเป็นเส้นเงินเดียวกัน มูลค่ารวมเกิน 300 ล้านบาท แต่กลับไม่ส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ตามกฎหมาย โดยมองว่า กรณีนี้พนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจ เปรียบเสมือนพยาบาล ไม่ใช่แพทย์หากทำคลอดเองเด็กอาจจะตาย จึงขอแนะนำว่าให้พนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องทุกคนมาให้ฟังคำกับ ป.ป.ช. และบอกว่าใครเป็นคนสั่งการ ซึ่งเป็นทางเดียวที่จะรอด ตนเข้าใจว่าวันนี้ทุกคนเครียดหมด ยืนยันว่านี่ไม่ใช่การข่มขู่ เป็นเพียงการเตือนเท่านั้น พร้อมยืนยันว่า ตนเองไม่ได้หน้าด้าน หากทำผิดจริงก็พร้อมออกทันที

อย่างไรก็ตาม ตนขอให้ ปปง. ตั้งสติ และพิจารณาให้รอบคอบ ซึ่งเมื่อต้นไม้เป็นพิษ ผลไม้ที่ออกมาก็เป็นพิษทั้งหมดเช่นเดียวกัน หากถึงชั้นศาล และศาลพิจารณาว่าหลักฐานได้มาโดยมิชอบ ศาลก็ยกฟ้องทั้งหมด เช่นเดียวกับ ป.ป.ช. ที่ไม่สามารถนำหลักฐานเข้าสู่สำนวนได้

ส่วนกรณีที่ถอนคำร้องที่ขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบนายกรัฐมนตรี ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบจากกรณีแต่งตั้ง ผบ.ตร. และส่งตนเองกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ตนได้ตรวจสอบแล้วพบว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช อดีต ผบ.ตร. ได้ยื่นตรวจสอบไปแล้ว ซึ่งอยู่ในกระบวนการของ ป.ป.ช. ที่ดำเนินการไปไกลแล้ว หากยื่นใหม่ถือเป็นการยื่นซ้ำ และทำให้กระบวนการสอบสวนยิ่งล่าช้า ตนเองจึงได้ถอนคำร้อง และส่วนตัวเชื่อว่านายกรัฐมนตรี ถูกขบวนการสกัดขึ้น ผบ.ตร. หลอกให้เซ็นรับทราบ เพราะคนที่อยู่ในกระบวนการไม่จำเป็นต้องมีส่วนรู้เห็นเสมอไป ท่านอาจจะไม่ได้มีเจตนาในการกระทำความผิด โดยคนที่หลอก ก็หวังเอาแต่ตำแหน่งส่วนตัวให้เป็น ผบ.ตร. หลอกได้ทั้งนายกฯ และลูกน้อง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตั้งคำถามว่า การกระทำดังกล่าว ไม่อายพระบ้างหรือไง เห็นเพียงประโยชน์ส่วนตน ไม่เห็นถึงลูกน้อง ในส่วนนายกรัฐมนตรีเข้าใจว่าการเป็นส่งตัวตนกลับไปเพื่อทำงาน แต่ที่ไหนได้เป็นการมาหลอกให้ส่งตัวตอนเที่ยงวัน ซึ่งทำเป็นขบวนการ หวังสกัดไม่ให้ตนเองเป็น ผบ.ตร. โดยคนที่อยู่ในขบวนการคือคนที่ไปพบ นายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นคนสุดท้ายก่อนจะมีคำสั่ง ซึ่งพรุ่งนี้จะมาอธิบายเกี่ยวกับเทียร์ 3 ว่าถูกออกจากราชการได้อย่างไร ที่ตนรู้เพราะได้โทรศัพท์ไปกองวินัยฯ จึงรู้มีการเตรียม การล่วงหน้า 2 วัน พร้อมยืนยันว่า ส่วนตัวไม่ได้พูดคุยกับนายกฯ แต่อย่างใด แต่เป็นการตรวจสอบด้วยตนเอง การออกมาครั้งนี้ถือเป็นการดับเครื่องชน เพราะต้องการความยุติธรรมคืนเพื่อปกป้องตัวเอง เพราะหากไม่ปกป้องตัวเองไม่ได้จะปกป้องประชาชนได้อย่างไร

ส่วนที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการปลดป้ายชื่อหน้าห้อง และเอารูปออกจากทำเนียบผู้บังคับบัญชา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มองว่าเป็นเรื่องเบ็ดเตล็ด และเป็นการทำตามขั้นตอนไม่ได้มองว่าเป็นลางร้ายอะไร

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังไม่ขอพูดถึงว่าเอกสารคัดค้านกรรมการ ป.ป.ช. ว่าหลุดออกมาได้อย่างไร แต่ก็ยอมรับว่าเป็นไปตามเอกสาร และอยากบอกว่า คนทำหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมต้องมีความศักดิ์สิทธิ์เชื่อถือได้ เพราะตำแหน่งอยู่ไม่นาน แต่ตำนานอยู่นานความจริงคือความจริง บางคนรู้ที่ไปแต่ลืมที่มา โดยวันพรุ่งนี้ตนเองจะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนจะเดินทางไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญาทุจริตฯ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยังมีความหวังว่านายกฯ จะช่วยในการเพิกถอนคำสั่งให้ออกจากราชการหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนเองไม่ได้คาดหวังว่าใครจะมาช่วย ตอนนี้ทางออกของตนคือเป็นกระบวนการยุติธรรม ส่วนจะมีโอกาสเป็น ผบ.ตร. หรือไม่นั้นเป็นเรื่องของอนาคต แต่ส่วนตัวเชื่อว่าหากตำแหน่ง ผบ.ตร. มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ก็เชื่อตนเองต้องได้อย่างแน่นอน เพราะประชาชนมองว่า ตนเองเปรียบเสมือนยาสามัญประจำบ้าน ”คิดอะไรไม่ออกก็ให้ไปบอกไอ้โจ๊ก“

เมื่อถามว่าคนที่อยู่ในขบวนการสกัดไม่ให้ตนเองขึ้นเป็น ผบ.ตร. มีคนที่ใหญ่กว่าคนที่เข้าพบนายกฯ และอยู่เบื้องหลังหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่าไม่มี ส่วนคนที่เคยอยู่ในตำแหน่งตอนนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตอบว่า “ก็ผสมโรงกับเขาไปด้วย เพราะอยากเป็น ผบ.ตร. ไง” พร้อมมองว่า เรื่องนี้ไม่ได้เชื่อมโยงไปถึงฝ่ายการเมือง เพราะนี่เป็นกระบวนการของฝ่ายตำรวจ ส่วนที่มีคนออกมาแฉว่า ก่อนเข้าพบนายกรัฐมนตรี บุคคลดังกล่าวได้เดินทางไปบ้านจันทร์ส่องหล้านั้น ส่วนตัวไม่ทราบในเรื่องนี้ แต่เชื่อว่าไม่เกี่ยว

“เล่นกันแรงอยู่แล้ว เพราะว่ามันต้องเล่นกับแรงแบบนี้ในเมื่อคนมันอยากเป็น มันห้ามไม่ได้ ก็คนที่ไปพบนั่นแหละใครไปพบก็คนนั้น” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว

อย่างไรก็ตามในช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ยกแขนขวาเพื่อโชว์สายสิญจน์ และวัตถุมงคล เดินสายทำบุญที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อช่วงเดือนเมษายนซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่จังหวัดเชียงใหม่

อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์จะเดินทางไป ยื่นคัดค้านกรณีที่พนักงานสอบสวนได้ส่งหลักฐานการตรวจสอบเส้นทางการเงินที่ส่งให้ ปปง. ก่อนหน้านี้ เป็นการได้มาโดยมิชอบ ไม่สามารถนำมาประกอบสำนวนได้ ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ในเวลา 14:00 น. และในวันพรุ่งนี้จะเดินทางไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม และประธานก.ตร. ว่าการออกคำสั่งให้ตนออกจากราชการไว้ก่อน เป็นการออกคำสั่งโดยมิชอบ และหลังจากนั้นจะมีการ ดำเนินคดีอาญากับรักษาราชการแทน ผบ.ตร. กรณีออกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนโดยไม่ชอบ ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง

Related Posts

Send this to a friend