CRIME

เลขา รมว.ยุติธรรม แจงกรณี ‘ประสิทธิ์’ หลบหนี ในวันขึ้นศาล เผยพบพิรุธ

วันนี้ (23 ธ.ค. 65) เวลา15:25 น. ที่เรือนจำกลางคลองเปรม ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ แถลงข่าวเกี่ยวกับกรณีของ นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก จำเลยในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากคดีหลอกให้ร่วมลงทุน ที่พยายามหลบหนีขณะถูกเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ควบคุมตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ฯ ไปเบิกความที่ศาลอาญา

ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต เปิดเผยว่า กระทรวงยุติธรรม โดย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้สั่งการให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกับเหตุการณ์ดังกล่าว ภายใน 1 สัปดาห์ ว่าเจ้าหน้าที่พัศดี หรือผู้ช่วยผู้คุมที่ดูแลผู้ต้องขัง มีส่วนกับการช่วยเหลือนายประสิทธิ์ หรือไม่

อีกทั้ง ตู้ที่เก็บอุปกรณ์ในการพันธนาการผู้ต้องขัง เป็นเพียงตู้ไม้เก่าธรรมดา และจุดดังกล่าวไม่มีกล้องวงจรปิดอีกด้วย ซึ่งจะต้องนำข้อบกพร่องตรงนี้ไปยื่นให้รัฐบาลในการจัดสรรอุปกรณ์ให้ดียิ่งขึ้น

ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต ระบุอีกว่า ในวันเกิดเหตุ มีเจ้าหน้าที่พัศดี 1 คน ในการดูแลตั้งแต่การนำผู้ต้องขังมาจากเรือนนอน และไปยังจุดที่มีการใส่กุญแจข้อเท้า แต่ในกระบวนการต่างๆ รวมถึงการใส่กุญแจโซ่ตรวนนั้น มีเจ้าหน้าที่ผู้ช่วย ซึ่งเป็นนักโทษชั้นดีคอยช่วยเหลือ โดยในวันดังกล่าว มีผู้ต้องขังที่จะถูกเบิกตัวไปศาล 3 คน และผู้ต้องขังที่จะได้รับการปล่อยตัวอีก 3 คน รวมเป็น 6 คน ซึ่งผู้ต้องขังจะต้องมีการตรวจค้นร่างกาย ใช้เวลาประมาณคนละ 30 นาที

ส่วนกุญแจความมั่นคงสูง แบบ 2 ชั้น จะต้องใช้ลูกกุญแจ 2 แบบ ทั้ง ลูกกุญแจแบบปกติ และลูกกุญแจแบบเข็มแทงสลักอยู่ภายในตู้ จากการเข้าตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ได้ทดสอบการถอดกุญแจ ทั้ง 2 แบบ ออกจากพวงกุญแจทั้งหมด ใช้เวลาประมาณ 20 วินาทีเท่านั้น

ทั้งนี้ ภายหลังจากเกิดเหตุ จนท.ได้มาตรวจสอบก็พบว่า กุญแจเข็มสลักจาก 5 ดอก และกุญแจปกติ 4 ดอก ก็หายไปอย่างละ 1 ดอกเช่นกัน นอกจากนี้สิ่งที่ผิดสังเกต คือปกตินายประสิทธิ์จะชอบพูดคุยกับเจ้าหน้าที่เวลามารับตัว แต่วันที่เกิดเหตุนายประสิทธิ์ไม่ค่อยพูดกับเจ้าหน้าที่ จึงเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าจะซ่อนกุญแจทั้ง 2 ดอกไว้ในปาก เพราะเป็นกุญแจดอกเล็ก อีกทั้งยังใส่หน้ากากอนามัยปิดบัง ซึ่งล่าสุดตำรวจตรวจยึดกุญแจที่หายไปทั้ง 2 ดอกกลับคืนมาได้แล้ว

ส่วนเจ้าหน้าที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์กำลังสอบสวนเจ้าหน้าที่อยู่ แต่ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ภายในอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องตรวจสอบให้ละเอียดทั้งหมด และเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ที่เป็นนักโทษชั้นดี อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการช่วยปลดกุญแจในการไขกำไลข้อเท้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้อยู่ระหว่างการสอบสวนเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว

นอกจากนี้ ยังได้ประสานให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ตรวจสอบเส้นทางการเงินของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ว่ามีการเงินของเจ้าหน้าที่ผิดปกติในช่วงเวลาที่นายประสิทธิ์วางแผนหลบหนีหรือไม่

ส่วนประเด็นที่ว่า ชุดของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ปรากฎในกล้องวงจรปิด คล้ายการใส่สูท ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต ได้ชี้แจงว่า ชุดของเจ้าหน้าที่ที่ใส่นั้นเป็นสีครีม และวันดังกล้าวเจ้าหน้าที่ ได้สวมแจ็คเก็ตสีดำทับ ทำให้หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสูท และได้ตอบข้อสงสัยที่ว่าขณะเกิดเหตุ ทำไมเจ้าหน้าที่ไม่เห็นว่ามีการหลบหนี โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่ที่คุมตัวนายประสิทธิ์ไปห้องน้ำ จดจำเครื่องแบบนักโทษ แต่เมื่อนายประสิทธิ์ได้มีการเปลี่ยนเป็นชุดปกติทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ทันได้สังเกตแต่เจ้าหน้าที่ก็เห็นว่าคนที่เดินออกไปมีความผิดปกติ จึงสงสัยเข้าไปตรวจดูในห้องน้ำ ก็พบว่านายประสิทธิ์หายไป จึงเข้าใจว่าชายคนดังกล่าวต้องเป็นนายประสิทธิ์อย่างแน่นอน จึงได้รีบออกมาตามพร้อมประสานไปยังเจ้าหน้าที่ของศาล ให้ช่วยติดตาม และจับกุมตัวได้ในที่สุด พร้อมยืนยันว่ามีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์อยู่ในชุดจับกุมนายประสิทธิ์

ส่วนจดหมายที่ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ เลขานุการคณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร เคยมาร้องให้กระทรวงยุติธรรมตรวจสอบเกี่ยวกับจดหมายของนายประสิทธิ์ที่ส่งออกไปว่าจะได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต ชี้แจงว่าจดหมายดังกล่าว เป็นจดหมายเปิดผนึก และจากการตรวจสอบ สั่งระงับจดหมายดังกล่าว การส่งออกจดหมาย แต่สามารถที่จะส่งออกไปเป็นเอกสาร ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์คิวอาร์โค้ด และจดหมายดังกล่าวจากการตรวจสอบ ว่าจดหมายหาความเกี่ยวข้องกับการหลบหนีในครั้งนี้หรือไม่

รวมทั้งให้ตรวจสอบเอกสารจดหมายเปิดผนึกของนายประสิทธิ์ที่ส่งออกไประหว่างอยู่ในเรือนจำย้อนหลังไปกว่า 230 ฉบับ ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ด้วย แต่ก็ยังไม่พบความผิดปกติ พร้อมกล่าวอีกว่า ตัวของนายประสิทธิ์มีความฉลาดมากในการชักชวน จูงใจบุคคลอื่นๆ ก็อาจจะอาศัยตรงนี้ในการพูดจากับคนอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต กล่าวอีกว่า จะนำข้อผิดพลาดไปปรับปรุงแก้ไข และระมัดระวังเคร่งครัดในการปฏิบัติหน้าที่มากขึ้นด้วย พร้อมยืนยันว่า จะไม่ยอมให้มีเจ้าหน้าที่ทุจริตต่อการทำงานอย่างแน่นอน หากพบว่าทุจริตก็จะมีการลงโทษ ปลดออก ไล่ออก ตัดเงินเดือน ขึ้นอยู่กับความหนักเบาของแต่ละเรื่อง

Related Posts

Send this to a friend