CRIME

’ทนายตั้ม‘ ซัดตำรวจทำคดี ’ต่อศักดิ์ – สุรเชษฐ์‘ 2 มาตรฐาน

’ทนายตั้ม‘ ซัดตำรวจทำคดี ’ต่อศักดิ์ – สุรเชษฐ์‘ 2 มาตรฐาน ชี้ เล่นงาน ’สุรเชษฐ์‘ ถึงขั้นออกราชการ แต่อุ้ม ผบ.ตร. ถาม พล.ต.อ.จรูญเกียรติ – รรท.ผบ.ตร. กล้าดำเนินคดีหรือไม่ ย้ำ ไม่ได้ทำตามใบสั่งใคร

วันนี้ (23 เม.ย. 67) เวลา 11:00 น. ที่สำนักงาน Sittra Law firm นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม แถลงข่าวกรณีการดำเนินคดีนายตำรวจระดับสูง ที่มีเรื่องเส้นเงินเชื่อมโยงถึงเว็บพนันออนไลน์ และมีการดำเนินคดีของทั้ง 2 ฝ่าย แต่การดำเนินคดีกลับ 2 มาตราฐาน

นายษิทรา เปิดเผยว่า วันนี้จะมาพูดถึงเรื่องคดีของ 2 นายพล ว่ามีความเหมือนที่แตกต่าง ซึ่งตนเห็นการให้สัมภาษณ์ของ ผบก.น. 2 เกี่ยวกับเรื่องของการสืบเส้นทางการเงินของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ นั้นแตกต่างกัน ที่อ้างว่า บัญชีในคดีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ มีแต่หมายเลข ไม่สามารถรู้ได้ว่ามาจากธนาคารอะไร จึงมองว่า หากเป็นแนวทางการสืบสวน เพียงไม่กี่วันก็สามารถตรวจสอบได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ตนเองมาสอน ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกว่า เป็นการดำเนินการแบบ 2 มาตรฐาน พร้อมย้ำว่า วันนี้มาสืบจับผิดเกี่ยวกับคดี การแถลงในครั้งนี้ ไม่มีคำว่าเพื่อน ไม่มีพี่ ไม่มีน้อง แต่มาเพื่อชาติเพียงอย่างเดียว

นายษิทราได้เปิดผังเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงถึงเว็บพนันออนไลน์ BNK Master ว่าเว็บมาจากสิงคโปร์ ซึ่งเว็บนี้จะมีการโอนเงินเข้าให้กับนาย อ. และกลุ่มบัญชีม้า โดยมีบัญชีพักเงิน ที่เชื่อมโยงไปถึงพิมพ์วิไล ในคดีเว็บพนัน ซึ่งความสนิทสนมกับเสี่ย อ. และ พันตำรวจโท ก. ที่มีเส้นเงินผ่านเข้าบัญชีม้าเหล่านี้

ส่วนเส้นเงินของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในคดีของมินนี่ ความเชื่อมโยงน้อย เพราะเส้นเงินเชื่อมถึงแค่ญาติทำให้คดีเดินไปด้วยความล่าช้า แต่คดี BNK Master มีเส้นเงินของ พ.ต.ท.คริษฐ์ ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิท ที่เชื่อมโยงบัญชีม้า บ. นั้นพบว่ามีการโอนเงินให้ 3 แสนบาท และมีการโอนเงินให้กับแม่ของ รอง ผบ.ตร. และคนขับรถ เดือนละ 5 หมื่นบาท รวมถึงมีการโอนเงินเข้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเพื่อเป็นการรักษาพยาบาลครอบครัวของ รอง ผบ.ตร. ที่มาจากบัญชีของ บ. โดย น.ส.พิมพ์วิไล มีการโอนเงินให้ตำรวจไซเบอร์ เดือนละ 1 ล้านบาท และกลุ่มของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ 3 แสนบาท

นายษิทรา กล่าวอีกว่าหลังจากที่ตนเองออกมาแฉข้อมูลต่างๆ ก็มีคนบอกตลอดว่า เรื่องส่วยแบบนี้มีมานานแล้ว ทำให้ดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ จึงเกิดคำถามว่า จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปหรือไม่ ซึ่งตนเองยืนยันว่า จะทำให้หมดไป หรือให้น้อยลงที่สุด พร้อมถามไปยัง ข้าราชการตำรวจ รวมถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการณ์ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่า จะปัดกวาดบ้านให้สะอาด กับคดีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ทำงานรวดเร็ว แต่กับคดีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล้าหรือไม่ เพราะ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ไม่ใช่ ผบ.ตร.ธรรมดา

นายษิทรายังตั้งคำถามว่าคดีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ตำรวจไม่คิดจะค้นหาแนวทางเส้นทางการเงินกันเลยหรือ ซึ่งแตกต่างจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่เอาหน่วยคอมมานโดไปบุกค้นบ้าน เพื่อหาพยานหลักฐาน อีกทั้งตนเองเข้าไปที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ก็เข้าไปไม่เจอใคร เหมือนสำนักงานร้าง ซึ่งตัวของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ที่บอกว่าจะทำคดีอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะใหญ่แต่ไหนก็ตาม แต่วันนี้กลับเงียบ ไม่มีการเรียกไปให้ข้อมูลเพิ่ม ทำให้วันนี้เราได้รู้กันแล้วว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติเป็นคนยังไง แตกต่างกับตอนให้สัมภาษณ์คดีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่มีท่าทีขึงขัง

นายษิทรา ระบุอีกว่า ตนเองรู้จักกับกลุ่มตำรวจของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์แทบจะทุกคน จากการสอบถามมีการโอนไปมา คาดว่าน่าจะเป็นการยืมเงินกัน ไม่น่าเข้าข่ายฟอกเงิน จึงมองว่าการดำเนินคดีนี้ เป็นการหว่านแห โดยในวันพรุ่งนี้ ตนเองจะเดินทางไปที่ บก.ปปป. อีกครั้ง เพื่อนำข้อมูลไปป้อนให้ตำรวจเพิ่ม และจะมีการจำแนกกลุ่มเว็บพนัน กับส่วยให้กับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ส่วนเจ้าตัวจะออกมารับหรือไม่ ก็แล้วแต่ท่าน

ทั้งนี้ นายษิทรา มองว่าการดำเนินการเรื่องส่วยของ 2 นายตำรวจใหญ่แทบไม่แตกต่างกัน เพราะมีเส้นเงินที่คล้ายกัน แต่การดำเนินการในคดีแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เพราะของ ผบ.ตร. แทบจะทำงานกันไม่เป็น หรือไม่ทำกันเลย แต่ในขณะที่คดีของ รอง ผบ.ตร. เอาถึงขั้นออกจากราชการได้

พร้อมฝากถึง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ด้วยว่า ตนเองกล้าที่จะเปิดทั้งสองคน แบบไม่เกรงใจพี่น้อง เพราะอยากให้สังคมได้รับความเป็นธรรม และให้เรื่องส่วยนั้นหมดไป ซึ่งถามถึงพล.ต.ต.จรูญเกียรติ และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รรท.ผบ.ตร. ว่ากล้าที่จะดำเนินคดีกับคนที่ไม่มีใครกล้าแตะหรือไม่

นายษิทรามองว่าทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย และระเบียบเดียวกัน มองว่าคดีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตำรวจมีการทำงานกันอย่างแข็งขัน แต่คดีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กลับไม่มีการทำอะไรเลย โดยนายษิทรา ย้ำว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีส่วนในการกระทำผิดอย่างแน่นอน ในเรื่องของคดีอาญา ตำรวจคงไม่ถูกฟ้องกลับ แต่ทางวินัยเห็นว่าคดีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีความรีบร้อนจนผิดปกติ ซึ่งเชื่อว่า เรื่องนี้ “ลูกน้องตายเรียบ ลูกพี่ลุ้นเอา” ส่วนใครที่มองว่าตนเองออกมาทำเพื่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์นั้น ก็แล้วแต่จะคิด เพราะตนเองก็เอาข้อมูลของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์มาเปิดเช่นกัน

นายษิทรา ยืนยันว่า การแถลงข่าวครั้งนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น และยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้เปิด แต่ขอทำเรื่องนี้ให้สำเร็จก่อน โดยยืนยันอีกว่า การทำเรื่องนี้ไม่ใช่เพื่อสนองอารมณ์ของตัวเอง แต่ให้สนองการทำงานของตำรวจ

นายษิทรา กล่าวด้วยว่า การแฉเส้นเงินพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ว่าทำตามใบสั่งใครหรือไม่นั้น วันนี้ตนเองปลดล็อกว่าทำอะไรเพื่อใคร เพราะก็เอาเส้นเงินมาให้เห็น และมีของฝั่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ด้วย ให้ประชาชนตัดสินเอง

Related Posts

Send this to a friend