พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ชื่นชมตำรวจขอนแก่น ใช้ยุทธวิธี สกัดจับหนุ่มคลั่งขับรถ
วันนี้ (8 ก.ค. 66) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกประชุมสรุปเหตุการณ์ กรณีชายคลุ้มคลั่งขับรถเฉี่ยวชนรถยนต์ของประชาชนและเจ้าหน้าที่ จำนวน 6 คัน ได้รับความเสียหาย พร้อมกล่าวชื่นชมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ที่ใช้หลักยุทธวิธีเข้าระงับเหตุและติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุ สร้างความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เหตุการณ์ดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ เกิดเหตุชายคลุ้มคลั่งขับรถเฉี่ยวชนรถยนต์และทรัพย์สินของประชาชนได้รับความเสียหาย ภายในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในตัวเมืองขอนแก่น ก่อนจะขับรถหลบหนีและเฉี่ยวชนรถของประชาชนรายอื่น ๆ
ทันทีที่ พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ได้รับรายงาน จึงบูรณาการกำลังทุกฝ่ายออกติดตามและสกัดจับรถคันดังกล่าว เมื่อผู้ก่อเหตุมาถึงวงเวียนศาลหลักเมืองขอนแก่น ซึ่งเป็นจุดก้าวสกัดจับที่วางกำลังไว้ จึงใช้อุปกรณ์ Stop Stick ซึ่งเป็นอุปกรณ์หยุดรถกรณีฉุกเฉินขวางรถผู้ก่อเหตุไว้ เมื่อรถผู้ก่อเหตุขับเหยียบผ่านทำให้ยางรั่ว แต่ผู้ก่อเหตุไม่ยอมหยุดรถ แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำรถยนต์กระบะมาจอดขวาง แต่ผู้ก่อเหตุขับรถพุ่งชนรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนรถของผู้ก่อเหตุไม่สามารถขับไปต่อได้ จึงเข้าควบคุมตัวผู้ขับขี่ไว้
ผู้ก่อเหตุอยู่ในอาการมึนเมายาเสพติด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ขับขี่รถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนรถผู้อื่นได้รับความเสียหาย, ขับขี่รถประมาทหวาดเสียว, ขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย, ขับขี่รถชนแล้วหลบหนี และขับขี่รถโดยมีสารเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) โดยผิดกฎหมาย” นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
“ขอชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกนายที่ยึดหลักยุทธวิธีในการปฏิบัติหน้าที่ มีการนำอุปกรณ์ Stop Stick มาใช้ เพื่อลดความรุนแรงและความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นทั้งต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ผู้ก่อเหตุ และตัวเจ้าหน้าที่เอง แสดงให้เห็นถึงความพร้อม ความใส่ใจ ความร่วมมือ และความมีมาตรฐาน สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีได้ ขอฝากไปยังข้าราชการตำรวจทุกหน่วยให้หมั่นตรวจสอบอุปกรณ์ ฝึกฝนและซักซ้อมแผนเผชิญเหตุต่างๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อเป็นการพัฒนาทักษะและขีดความสามารถในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาให้กับพี่น้องประชาชนได้” รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าว
