CRIME

ปฏิบัติการ ‘เปิดทะเลหมอก’ กองปราบกวาดล้างเครือข่ายแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ชาวต่างชาติรวมกว่า 53 ราย

สืบเนื่องจาก ตำรวจ กก.4 บก.ป. ได้รับเเจ้งเบาะเเสว่ามีกลุ่มคนต่างด้าวจำนวนมาก คาดว่าน่าจะหลบหนี เข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย มาพักอาศัยกระจายอยู่ในรีสอร์ทต่างๆ ในพื้นที่หมู่บ้านรักษ์ไทย หมู่ที่ 6 ต.หมอกจำแป่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน โดยกลุ่มคนดังกล่าวมีการจับกลุ่ม มั่วสุมทำกิจกรรมน่าสงสัย ก่อความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ ประกอบกับมีความกังวลเรื่องการลักลอบเข้าเมืองโดยไม่ผ่านการคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นเหตุให้คนในพื้นที่เกรงว่าอาจจะมีการนำพาเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้ามาแพร่กระจายให้กับคนในหมู่บ้าน

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. จึงได้ทำการสืบสวนกรณีดังกล่าวโดยละเอียด โดยใช้เวลากว่า 1 เดือน จนทราบว่ากลุ่มคนต่างด้าวที่ต้องสงสัยว่าหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายนั้น มีจำนวนประมาณ 80 คน ได้ทำการเช่าเหมาทั้งรีสอร์ท โดยห้ามไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปในบริเวณรีสอร์ท ดังกล่าว มีการรวมกลุ่มทำกิจกรรมต้องสงสัย คล้ายร่วมกันประกอบอาชีพบางอย่าง มีการประชุมแจกแจงหน้าที่ในการทำงาน และใช้โทรศัพท์ในห้องประชุมพร้อมๆ กันจํานวนหลายคน ลักษณะคล้ายพฤติกรรมของกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ทั้งนี้ยังตรวจสอบพบอีกว่ากลุ่มคนเหล่านี้ มีการว่าจ้างคนในพื้นที่ให้คุ้มครองความปลอดภัย ลักษณะเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพล เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายค้นจากศาลเพื่อทำการตรวจค้นเป้าหมาย จำนวน 6 เป้าหมาย ในพื้นที่หมู่บ้านรักษ์ไทย หมู่ที่ 6 ต.หมอกจำแป่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน

โดยในวันที่ 20 มิถุนายน 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. และชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานร่วมกับ เจ้าหน้าที่ บก.ปอท. หน่วย ฉก.ร.7 สตม.5 และ สภ.หมอกจำแป่ ได้ทำการปิดล้อมตรวจค้นสถานที่เป้าหมายจำนวน 6 จุด สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ทั้งหมด 53 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาชาวจีน 40 ราย ชาวเมียนมา 12 ราย และ ชาวฟิลิปปินส์ 1 ราย พร้อมตรวจยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ซิมโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์สำหรับปลอมหนังสือเดินทางของจีน และสิ่งของซึ่งได้ใช้ หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด รวมกว่า 500 รายการ

โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”

ในส่วนนายเชินจือ สัญชาติจีน ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุด” จำนวน 1 ราย

โดยในเบื้องต้นจากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาได้นำคนจีนหลบหนีเข้ามาในพรมแดนธรรมชาติ และรวมตัวกันสร้างกลุ่มเพื่อหลอกลวงเหยื่อซึ่งเป็นคนจีน โดยการสร้างโปรไฟล์ปลอมขึ้นมา หลอกให้เหยื่อหลงเชื่อว่าเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จ ร่ำรวยจากการลงทุนในสกุลเงินดิจิตอล สร้างความน่าเชื่อถือ และพูดคุย ชักชวนเหยื่อให้ร่วมลงทุนในสกุลเงินดิจิตอลดังกล่าว โดยผ่านแอพพลิเคชั่นที่กลุ่มผู้ต้องหาสร้างขึ้นมาเอง

นอกจากนี้ในระหว่างตรวจค้นยังพบว่านายเจีย ฟู (สัญชาติจีน) อายุ 21 ปี ได้ครอบครองบุหรี่ไม่ติดอากรสแตมป์ จำนวนกว่า 9,400 มวน ซึ่งเป็นการกระทำความผิดฐาน “มียาสูบที่ไม่ได้ปิดอากรสแตมป์ไว้ในความครอบครองเกินกว่า 500 กรัม โดยไม่ได้รับอนุญาต”และตรวจค้นพบไพ่จำนวน 55 สำรับ (จำนวน 2,970ใบ) วางอยู่บนโต๊ะในห้องพักภายในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องพักของนายลิมฯ (สัญชาติฟิลิปปินส์) อายุ 39 ปี จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐาน “มีไพ่ซึ่งมิใช่ที่กรมสรรพสามิตทำขึ้นไว้ในความครอบครองเกินกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบใบ หรือมีไพ่ซึ่งมิใช่ที่มีตรากรมสรรพสามิตได้กำหนดขึ้นประทับไว้อยู่ในความครอบครองเกินกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบใบ” นำส่งพนักงานสอบสวนสภ.หมอกจำแป่ ดำเนินคดีกฎหมายต่อไป

ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนพบว่า กลุ่มชาวต่างชาติดังกล่าว หลบหนีมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาในราชอาณาจักรผ่านทางชายแดนทางภาคเหนือและภาคอีสาน จากนั้นเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย โดยไม่ผ่านขั้นตอนการตรวจลงตราตามกฎหมาย จากนั้นมารวมกลุ่มกันทำงานในลักษณะคอลเซ็นเตอร์ มีการวางแผนสร้างโปรไฟล์ออนไลน์ หลอกลวงเหยื่อโดยใช้ลักษณะที่เป็นบุคคลหน้าตาดี มีฐานะร่ำรวย จากนั้นจะชักชวนเหยื่อโดยการพูดคุยผ่านทางแอพลิเคชั่นต่างๆ ในลักษณะชักชวนเล่นพนันออนไลน์ โรแมนซ์สแกม หรือหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ ซึ่งกองบังคับการปราบปรามจะได้ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผล และดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป

Related Posts

Send this to a friend