CRIME

DSI เข้าสอบ กลุ่มบอสชาย คดี ’ดิไอคอนกรุ๊ป‘ ขีดเส้นส่งคำให้การภายใน 3 ธ.ค.นี้

DSI เข้าสอบ กลุ่มบอสชาย คดี ’ดิไอคอนกรุ๊ป‘ ขีดเส้นส่งคำให้การภายใน 3 ธ.ค.นี้ พร้อมสอบ ปมคลิปเสียง ‘กฤษอนงค์‘ อ้าง จ่ายเงินเทวดาดีเอสไอ บ่ายวันนี้

วันนี้ (20 พ.ย. 67) เวลา 09:45 น. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เข้าสอบปากคำเพิ่มเติมกลุ่มผู้ต้องหาบอสชายทั้ง 11 คน ในคดีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด โดย ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยว่า ประเด็นในการสอบปากคำ 11 บอสชาย เป็นไปตามมติที่ประชุม ซึ่งมีบางประเด็นที่ยังมีข้อสงสัยที่ต้องสอบสวนทั้ง 11 คนเพิ่มเติม และจะต้องมีการสอบสวนในทุกข้อหา ทุกประเด็น เพราะขณะนี้สำนวนได้อยู่ที่ดีเอสไอแล้ว

ที่ผ่านมาทั้ง 11 คน ส่วนใหญ่ให้การปฏิเสธ ซึ่งก็จะเป็นอุปสรรคของผู้ต้องหาเอง พร้อมยืนยันว่า ไม่กระทบต่อรูปคดี แต่หากผู้ต้องหาให้การเพิ่มเติมก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวผู้ต้องหา ซึ่งผู้ต้องหาจะขอไปให้การในชั้นศาล และตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติข้อ 11 กำหนดไว้แล้วว่า ผู้ต้องหา หรือจำเลย ได้รับการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาตัดสิน แต่เราไม่ได้ค้นหาความจริงจากผู้ต้องหา เป็นข้อสงสัยบางประการที่จะต้องซักถาม เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ซึ่งผู้ต้องหาจะให้การหรือไม่ เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้จะเป็นการมาพูดคุยกับผู้ต้องหาให้เกิดความเข้าใจ เบื้องต้นมีการกำหนดกรอบระยะเวลาในการส่งคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรภายในเวลา 15 วัน ซึ่งจะต้องดำเนินการให้ครบถ้วนภายในวันที่ 3 ธันวาคมนี้ เพราะจะต้องสรุปสำนวนให้เสร็จสิ้นตามกำหนดระยะเวลา หากทั้ง 11 คน ไม่ส่งเอกสารชี้แจงข้อกล่าวหา ก็จะพิจารรณาจากสำนวนที่มีอยู่ และหลังจากนั้น หากผู้ต้องหาต้องการให้การเพิ่มเติม ก็สามารถที่จะสามารถยื่นตรงต่อพนักงานอัยการได้ โดยในวันที่ 3 ธ.ค. นี้จะเป็นการพิจารณาพยานหลักฐาน และรวมมติของทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายผู้กล่าวหา ผู้เสียหาย และผู้ต้องหาด้วย หากมีพยานหลักฐานที่ยื่นให้ในวันนั้น ก็จะได้รับการพิจารณาไปในคราวเดียวกัน

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวอีกว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พนักงานสอบสวนจะเข้าไปสอบปากคำกลุ่มบอสพอลเพิ่มเติม ในประเด็นปมคลิปเสียงเรียกรับเงิน 10 ล้านบาท ที่ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ อ้างว่าจ่ายให้ดีเอสไอ โดยเบื้องต้นได้เข้าไปสอบปากคำ น.ส.กฤษอนงค์ แล้ว ซึ่ง น.ส.กฤษอนงค์ ได้ยืนยันตามโพสต์ที่เคยโพสต์ไว้ในเพจเฟสบุ๊ก แต่ไม่ให้การยืนยันตามคลิปเสียง แต่ยอมรับว่าเป็นเหตุการณ์ที่พูดคุยกันเมื่อ 10 ปีที่แล้ว

อีกทั้ง การตรวจสอบจะตรวจสอบจากบุคคลภายในอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องให้บุคคลภายนอกที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นบุคคลที่สื่อมวลชน และประชาชนเชื่อถือเข้ามาร่วมตรวจสอบด้วย เพื่อให้มีความเป็นกลาง และสามารถชี้ได้ว่า คดีที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่ เพื่อตอบคำถามสังคมให้ได้ หากตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว จะต้องมีการพิจารณาว่าบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐคนใดได้รับความเสียหายบ้าง ซึ่งดีเอสไอเป็นหน่วยงานภาครัฐ ในกระบวนการยุติธรรม ก็ต้องได้รับการตรวจสอบ เพราะในหลักการสากลจะต้องมีความโปร่งใส และตรวจสอบได้

แต่หากตรวจสอบแล้ว ไม่ใช่ตามที่ถูกกล่าวหาก็จะชี้แจงกับสังคม ส่วนจะพาดพิง ถึงหน่วยงานองค์กร และมีผลกระทบหรือความเสียหายก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนที่อ้างว่า มีการจ่ายสินบนให้กับเทวดาประจำดีเอสไอ ประเด็นนี้มีการสอบสวนไปแล้วครั้งหนึ่ง และได้รับการยืนยันแล้วว่า ไม่เป็นความจริง และอาจจะมีการดำเนินคดีกับบุคคลภายนอก รวมถึงการตรวจสอบภายใน เบื้องต้นในระยะแรกมีกรอบระยะเวลา 30 วัน ซึ่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้สั่งการ ให้ผู้ที่รับผิดชอบต้องดำเนินการด้วยความรวดเร็ว และชี้แจงต่อสาธารณะชนโดยเร็ว

สำหรับกรณีที่กลุ่มตัวแทนจำหน่ายที่ถูกอายัดบัญชีไว้ตรวจสอบกว่า 40 คนนั้น ร.ต.อ.สุรวุฒิ ยอมรับว่า เป็นปัญหาที่ดีเอสไอ อยู่ระหว่างการพิจารณา เป็นการอายัดโดยอัตโนมัติ หรือ AOC (Anti Online Scam) โดยหลังจากนี้จะมีการหารือร่วมกันระหว่างตำรวจกับดีเอสไอ โดยอธิบดีดีเอสไอ จะเรียกหารือโดยเร่งด่วน แล้วจะมีการประชุมกันในวันพรุ่งนี้ โดยจะต้องมีการรับรอง บัญชีที่ถูกอายัดเป็นบัญชีที่กระทำความผิดจริงๆ ตามความผิดมูลฐาน ส่วนบัญชีที่ไม่เกี่ยวข้อง ต้องรีบคืนให้เจ้าของบัญชี มีกรอบระยะเวลาที่ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว แต่ผู้ที่มีหน้าที่ถอนในขณะนี้ คือดีเอสไอ ในฐานะเจ้าของคดี ส่วนทรัพย์สินของ 18 บอสที่ถูกอายัดมา ทางสำนักงาน ปปง. เตรียมประกาศการดำเนินการแพ่งว่าจะขายทอดตลาด ประมูล หรือดำเนินการอย่างไร

ส่วนการฝากขังในผัด 4 ถึง ผัด 7 ทนายความของผู้ต้องหาจะดูว่าดีเอสไอ จะคัดค้านการประกันตัวหรือไม่ หากไม่มีการคัดค้านก็จะขอศาลประกันตัว ดีเอสไอให้ข้อมูลว่า การคัดค้านการประกันตัว เป็นหน้าที่ของตำรวจที่ดำเนินการก่อนหน้านี้ และทราบว่าได้คัดค้านไปจนถึงผัด 7 แล้ว จึงเชื่อว่า ไม่น่าจะเป็นปัญหา และการต่อสู้คดีของผู้ต้องหาก็สามารถทำได้ภายในเรือนจำผ่านทนายความ

Related Posts

Send this to a friend