CRIME

อดีตนักกีฬาอาเซี่ยนพาราเกมร้องกองปราบถูกแก๊งค์โจรกรรมรถข้ามชาติหลอกดาวน์รถ ก่อนเชิดหนี

วันนี้ (18 มิ.ย. 64) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายบริพัตร จงวิวัฒนธรรม อายุ 41 ปี นักกีฬาโบว์ลิ่งคนพิการตาบอดทีมชาติไทย พร้อม น.ส.สุภาพร รูปชัยภูมิ อายุ 41 ปี ภรรยา อาชีพเจ้าหน้าที่พยาบาล เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ชนินทร ง่วนสน รอง ผกก.สอบสวน บก.ป. เพื่อร้องขอความเป็นธรรมหลังถูกมิจฉาชีพหลอกนำเอกสารไปยื่นดาวน์รถยนต์ป้ายแดงและรถมือสอง รวมถึงค้ำประกันรถยนต์ ก่อนเชิดรถหนีไป จนกลายเป็นหนี้สินกว่า 3 ล้านบาท และต้องถูกยึดบ้านสิ้นเนื้อประดาตัว

น.ส.สุภาพร กล่าวว่า เมื่อปี 2559 ตนเองและสามี มีความต้องการจะซื้อรถเพื่อนำไปใช้รับส่งลูกและใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ติดปัญหาถูกขึ้นแบล็คลิสต์เครดิตบูโร ไม่สามารถออกรถได้ กระทั่งไปพบเห็นป้ายข้อความโฆษณารับดำเนินการจัดซื้อรถ แม้ติดเครดิตบูโร ที่ติดอยู่ตามเสาไฟฟ้าริมทาง จึงโทรศัพท์ติดต่อไปสอบถามตามหมายเลขโทรศัพท์ที่ลงไว้ในป้ายข้อความดังกล่าว 

โดยมี น.ส.จุฑามาศ หรือ ดาว ไม่ทราบนามสกุล เป็นผู้รับสายและให้คำปรึกษา ก่อนนัดหมายพาตนเองและสามีนำเอกสาร สลิปเงินเดือน ไปติดต่อขอยื่นซื้อรถยนต์กระบะป้ายแดงที่โชว์รูมนิสสัน สาขาเกษตรนวมินทร์ รวมถึงพาไปติดต่อยื่นซื้อรถยนต์มือสองที่เต็นท์รถยนต์มือสองย่านบางใหญ่ จ.นนทบุรี อีกแห่งหนึ่งสำรองไว้หากเอกสารยื่นซื้อรถป้ายแดงไม่ผ่านการพิจารณา  

น.ส.สุภาพร กล่าวว่า ต่อมาทางโชว์รูมรถนิสสัน ได้ติดต่อกลับมาแจ้งว่าเอกสารผ่านการพิจารณาแล้วสามารถออกรถได้ แต่จะต้องจ่ายเงินดาวน์จำนวน 120,000 บาท จึงจะสามารถทำสัญญาซื้อรถได้เลย แต่เนื่องจากตนเองและสามี มีเงินอยู่เพียง 50,000 บาท ไม่พอที่จะจ่ายค่าดาวน์รถ ทาง น.ส.จุฑามาศ จึงเสนอตัวให้การช่วยเหลือออกเงินดาวน์ให้ก่อน เพื่อนำรถออกมา แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องนำไปจอดเก็บไว้ที่โกดังบริษัทของตนเองก่อนซึ่ง น.ส.จุฑามาศ อ้างว่าอยู่ไม่ไกลจากโชว์รูม เมื่อตนเองและสามีหาเงินดาวน์มาคืนให้ได้ครบจำนวนจึงจะสามารถนำรถกลับไปได้ จึงตอบตกลงทำตามข้อเรียกร้องของ น.ส.จุฑามาศ 

น.ส.สุภาพร  กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันทางเต๊นท์รถมือสองก็ได้ติดต่อมาหาพร้อมกับแจ้งว่าเอกสารการกู้ซื้อรถผ่านการพิจารณาด้วยเช่นกัน แต่ตนเองเห็นว่าเอกสารที่ยื่นซื้อรถป้ายแดงที่โชว์รูมนิสสันได้ผ่านการพิจารณาแล้ว จึงตอบปฏิเสธเต็นท์มือสองดังกล่าวไป โดยไม่ได้มีการขอเอกสารหลักฐานที่เคยยื่นไว้กลับคืนมา เพราะกำลังยุ่งอยู่กับการหาเงินดาวน์รถไปคืนให้กับ น.ส.จุฑามาศ เพื่อที่จะได้รถกลับคืน ต่อมาหลังจากนั้นไม่กี่วัน เมื่อสามารถหาเงินได้ครบจำนวนแล้ว กลับไม่สามารถติดต่อกับ น.ส.จุฑามาศ ได้อีกทั้งเมื่อไปตรวจสอบที่โกดังเก็บรถดังกล่าวก็ไม่พบรถยนต์ที่จอดอยู่ และ น.ส.สุภาพร ยังมาทราบภายหลังอีกว่า น.ส.จุฑามาศ ได้ใช้เอกสารของตนเองแอบดำเนินการดาวน์รถที่เต็นท์รถมือสองย่านบางใหญ่ที่เคยยื่นซื้อไว้ แล้วเชิดหนีไปอีกคันด้วยเช่นกัน 

นอกจากนี้ก่อนที่จะทราบความจริงตนเองยังถูก น.ส.จุฑามาศ หลอกให้เซ็นชื่อเป็นผู้ค้ำประกันออกรถให้กับเพื่อนของ น.ส.จุฑามาศ อีกด้วย ซึ่งต่อมาทราบข่าวว่าเพื่อนของ น.ส.จุฑามาศคนดังกล่าว คือผู้ต้องหาขบวนการโจรกรรมรถส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยเหตุนี้จึงเกิดความกังวลใจ นำเรื่องเข้าแจ้งความตามสถานีตำรวจแถวบ้านพัก แต่ไม่มีสถานีตำรวจใดรับแจ้งความทำได้เพียงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน 

ด้านนายบริพัตร กล่าวว่า ภายหลังจากที่ น.ส.จุฑามาศ ได้รถทั้ง 2 คันไปแล้วนั้น กลับไม่ยอมส่งค่างวดรถให้กับทางบริษัทไฟแนนซ์ ทำให้มีหนังสือบังคับคดีส่งมาที่บ้านของตนเองเมื่อเดือน มิ.ย. 2563 โดยแจ้งว่าขณะนี้บ้านได้ถูกนำไปขายทอดตลาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อนำไปใช้หนี้รถยนต์มือสองที่ น.ส.จุฑามาศแอบนำเอกสารของตนเองและภรรยาไปใช้เป็นหลักฐานซื้อรถดังกล่าวแล้วไม่ได้มีการส่งค่างวดรถ อีกทั้งยังมีเอกสารจากทางบริษัทไฟแนนซ์อีกแห่งส่งมาทวงค่างวดรถนิสสันป้ายแดงอีกคันที่ถูก น.ส.จุฑามาศเชิดหนีไปด้วย รวมถึงเอกสารทวงค่างวดรถของเพื่อน น.ส.จุฑามาศ ที่ภรรยาไปเป็นผู้คำประกันไว้ 

นายบริพัตร กล่าวด้วยว่า เมื่อเดือน ธ.ค. 2563 ตนเองยังได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในจ.นครพนม ว่า รถยนต์มือสองที่ น.ส.จุฑามาศ แอบนำเอกสารของตนเองที่ซื้อกับเต็นท์รถย่านบางใหญ่นั้น ได้กลายเป็นของกลางคดียาเสพติด เนื่องจากถูกใช้เป็นยานพาหนะขนลำเลียงกัญชาอัดแท่งจำนวนกว่า 200 กิโลกรัม ตนเองและภรรยาจึงได้ชี้แจงข้อเท็จจริงที่ไปที่มาของรถคันดังกล่าวให้ตำรวจได้รับทราบ ก่อนจะมีการเชิญไปให้ปากคำในฐานะพยานคดีดังกล่าว ซึ่งการกระทำของ น.ส.จุฑามาศ และพวกทำให้ตนเองและครอบครัวได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากต้องกลายเป็นหนี้สินกว่า 3 ล้านบาท บ้านถูกยึด รวมถึงยังต้องกลายเป็นพยานในคดียาเสพติด ที่ผ่านมาเคยยื่นร้องขอความเป็นธรรมกับหน่วยงานต่างๆ หลายแห่งแต่ก็ไร้การเหลียวแล ในวันนี้จึงตัดสินใจมาร้องขอความเป็นธรรมกับกองปราบปราม 

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องดังกล่าวไว้ พร้อมกับสอบปากคำตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆอย่างละเอียด ก่อนรวบรวมประสานส่งต่อให้กับทางผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป สำหรับประวัติของนายบริพัตร ผู้เสียหายนั้น เป็นนักกีฬาโบว์ลิ่งคนพิการทีมชาติไทย ทำผลงานสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศมาแล้วมากมาย อาทิ รางวัลเหรียญทองแดงการแข่งขันเอเซี่ยนพาราเกมส์ ครั้งที่ 3 ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อปี 2561 และรางวัลการแข่งขันโบว์ลิ่งคนพิการชิงแชมป์ประเทศไทย ครั้งที่ 2 ประเภทบี 2

Related Posts

Send this to a friend