CRIME

โฆษก DSI เผย คดีนอมินี โยงตึก สตง. คืบหน้าไปกว่า 50%

โฆษก DSI เผย คดีนอมินี โยงตึก สตง. คืบหน้าไปกว่า 50% พร้อมประสาน 51 วิศวกรที่มีรายชื่อควบคุมงานให้ข้อเท็จจริง อยู่ระหว่างเร่งพิจารณาหลักฐานแจ้งข้อกล่าวหา ยัน ไม่กังวล หลังมีข้อมูลคนแก้ไขแบบเกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่ใน สตง.

วันนี้ (18 เม.ย. 68) พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เปิดเผยถึงผลการเข้าตรวจค้น 4 จุดสำคัญที่เกี่ยวข้องกับคดีตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่า เจ้าหน้าที่สามารถยึดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และฮาร์ดดิส และเอกสารต่างๆ เพื่อมาตรวจสอบพยานหลักฐานโครงการก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับอาคาร สตง.

ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับนายบินลิง วู ที่ดีเอสไอมีเหตุต้องสงสัยว่า อาจมีพยานหลักฐานเกี่ยวข้องกับบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จึงได้เข้าตรวจค้น โดยขณะนี้พนักงานสอบสวน รวมถึงเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมือง อยู่ระหว่างพิจารณา และตรวจสอบพยานหลักฐานดังกล่าว

เบื้องต้น จากการตรวจสอบเอกสารพบรายชื่อวิศวกร 51 คน โดยในจำนวนนี้มีนายสมเกียรติ ชูแสงสุข และนายชัยฤทธิ์ ที่เข้ามาแสดงตัวแล้ว โดยวันนี้นายชัยฤทธิ์ ก็เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน อยู่ระหว่างการสอบปากคำ ซึ่งในรายละเอียดยังไม่ทราบว่ามีการแอบอ้างชื่อหรือปลอมลายเซ็นด้วยหรือไม่ แต่ทราบว่ามีประเด็นถูกพาไปถ่ายรูปรวมหน้าตึก สตง. ส่วนวิศวกรรายใหม่อีก 2 คนที่ดีเอสไอเชิญมา ยังไม่ได้รับรายงาน แต่ยืนยันว่าวิศวกร และผู้เกี่ยวข้องทุกคนจะต้องเรียกมาสอบปากคำทั้งหมด เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่ามีการควบคุมงานจริงหรือไม่ มีใครเป็นวิศวกรในโครงการนี้จริงบ้าง แล้วจึงจะขยายผลไปได้ว่ามีการปลอมลายเซ็นหรือไม่ กระบวนการทำงานถูกต้องหรือไม่

ส่วนกรณีของนายพิมล เจริญยิ่ง อายุ 85 ปีที่ปรากฏรายชื่อว่าเป็นผู้ออกแบบอาคาร สตง.นั้น พนักงานสอบสวนได้ไปพบตัวแล้ว และพบว่าเจ้าตัวมีอาการป่วยจริงๆ โดยเจ้าตัวยังได้ขอเวลาในการเตรียมเอกสารมาให้การ คาดว่าจะเป็นช่วงสัปดาห์หน้า

พ.ต.ต.วรณัน ยืนยันว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบริษัท อิตาเลี่ยนไทยฯ ที่เลื่อนไป หรือตัวนายปฏิวัติ ศิริไทย ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด จะต้องเรียกตัวมาสอบปากคำ โดยพนักงานสอบสวนได้ทำตารางนัดหมายพยานไว้เรียบร้อยแล้ว หรือหากตำรวจ สน.บางซื่อ มีการเรียกสอบปากคำนายปฏิวัติในวันที่ 21 เมษายนนี้ ดีเอสไอก็อาจไปสอบปากคำด้วย

สำหรับภาพรวมคดีที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษนั้น แบ่งเป็น 4 คดี โดยคดีแรก คือ ความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 (นอมินี) โดยขณะนี้คืบหน้าไปกว่า 50% แล้ว และหลังจากนี้เป็นกระบวนการพิจารณาว่าหลักฐานพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลใดหรือไม่ เพราะเป็นคดีหลักคดีแรกที่ดีเอสไอรับผิดชอบ

ส่วนคดีที่ทำคู่ขนานก็จะมีทั้งคดีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 (ฮั้วประมูล) ที่ขยายผลออกมา ซึ่งองค์ประกอบความผิดคดีฮั้วประมูลมีหลายเรื่อง เช่น การที่ทำให้การแข่งขันราคาไม่เป็นธรรมโดยใช้กลอุบายไปฟันราคา เพื่อให้ได้มาซึ่งสัญญาแล้วไปลดค่างานหรือการดำเนินการอย่างอื่น เพื่อลดค่าใช้จ่าย ก็เข้าข้อกฎหมายนี้ได้เหมือนกัน และการเรียกสอบวิศวกรผู้คุมงาน ก็เป็นการสืบสวนในคดีฮั้วประมูลนี้

นอกจากนี้ก็ยังมีคดีเกี่ยวกับวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง เหล็กเส้น ที่ตกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม หรือ สมอ. ที่หากพบความผิด เจ้าหน้าที่สมอ. ก็จะมาร้องทุกข์กล่าวโทษเป็นอีก 1 คดี

คดีสุดท้ายที่ดีเอสไอตรวจสอบ คือกรณีที่บริษัทที่ขายเหล็กให้กับโครงการ มีการดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารภาษีที่ไม่ถูกต้อง

ทั้งนี้ พ.ต.ต.วรณัน ยืนยันอีกว่า คดีนี้ไม่มีความกังวล แม้จะมีกระแสข่าวว่าคนที่แก้ไขแบบอาคาร สตง. มีความเกี่ยวข้องกับผู้หลักผู้ใหญ่ใน สตง. โดยบอกว่า เรื่องนี้สปอร์ตไลท์ของสังคมค่อนข้างเยอะ ไม่น่าจะมีปัญหา และดีเอสไอรับคดีขนาดใหญ่ ทำงานเป็นรูปแบบคณะกรรมการ เรื่องนี้จึงไม่เป็นประเด็น

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat